เมื่อต้องทำงานแบบ Work from home ครั้งแรกในชีวิตการทำงาน

ตลอดการทำงานกว่า 26 ปี อาจมีทำงานที่บ้านบ้างตามประสา แต่ก็เป็นเพียงการทำงานที่อยากทำ ประมาณว่าอยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำ ก็หยิบงานมาทำ เบื่อก็พัก ทำโน่นนี่ แต่ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงานที่ต้องทำงานแบบ Work from home โดยเริ่มปฏิบัติอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 คือทำงานที่บ้าน ในช่วงที่ประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19

 

หากมองตัวเองในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ก็ชิวๆ ดีอยู่เหมือนกัน เพราะที่บ้านก็มีอุปกรณ์สำหรับการทำงานตามภารกิจของตนเองอยู่แล้ว ทั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ทั้ง PC และ Notebook รวมถึงซอฟต์แวร์ต่างๆ สำหรับการปฏิบัติงานของตนเอง ที่ขาดไม่ได้ก็คือ Network ซึ่งมีทั้งเน็ตบ้าน และติดตั้งที่เป็น VPN ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หากมองในฐานะหัวหน้างาน ก็คงปวดหัวมิใช่น้อย เพราะเราต้องติดตามลูกน้องเราด้วยว่าเค้าทำอะไร ยังไง ถึงไหน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่เรื่องนั้นคงไม่เล่า ณ ที่นี้ ขอเล่าในฐานะผู้ปฏิบัติงานคนหนึ่งในองค์กร

 

wfh

 

ก่อนเริ่มทำงานแบบ Work from home สำหรับตัวเอง ได้เตรียมการและคิดไว้ล่วงหน้าเลยว่า เป็นการย้ายโต๊ะทำงานมาไว้ที่บ้าน วันจันทร์-ศุกร์ ไม่ใช่วันหยุด ไม่ใช่วันลาพักผ่อน แต่เป็นวันทำงาน ตั้งแต่ 8.30-16.30 น. เพียงแค่ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่บ้านเท่านั้นเอง งานสำหรับตัวเองก็คืองานที่ปฏิบัติอยู่แล้ว เมื่ออยู่ที่ทำงาน แต่อาจมีบางงานที่ยังทำไม่ทัน ยังมีค้างคาอยู่ ก็นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทำ ณ เวลานี้ เมื่ออุปกรณ์พร้อม งานพร้อม และคนก็พร้อม ก็ลงมือทำงานกันเลยจ้า

 

เริ่มจากตื่นนอนตามปกติเหมือนเวลาต้องไปทำงาน อาจสายได้บ้างเล็กน้อยเพราะไม่ต้องเดินทาง จากนั้นก็ทำกิจวัตรตามปกติ อาบน้ำ กินข้าว เสร็จแล้วนั่งพักเล็กน้อยให้อาหารย่อย พอได้เวลา 8.30 น. หรือก่อนเวลาก็ได้ ก็ลงมือนั่งโต๊ะทำงานในมุมที่จัดไว้ได้เลยได้เลย (บอกไว้ก่อนเลยว่าต้องมีมุมทำงาน ที่ไม่ควรเป็นโซฟา หน้าทีวี เตียงนอน เพราะจะไม่เป็นอันทำงานอย่างแน่นอน)  ระหว่างทำงานไปก็จะมีการประสานงาน / ให้คำปรึกษาต่างๆ ผ่านทางช่องทาง Group Line ของเราไปด้วย เพื่อให้งานเป็นไปด้วยความราบรื่น เนื่องจากเป็นงานบริการที่ต้องมีผู้ใช้บริการมาเป็นตัวแปรที่ทำงานการทำงานจากที่บ้านอาจมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปในแต่ละสถานการณ์ ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือของทุกคน

 

ในการทำงานก็ต้องไม่เพลิดเพลินจนลืมกินข้าวกินปลาตอนกลางวัน แต่ที่ผ่านมา 3-4 วันมานี่ก็ไม่เคยตรงเวลาซักวัน ช่วงพักกลางวันก็ควรพักตามเวลาที่ทำงานปกติ  แล้วเริ่มปฏิบัติงานรอบบ่ายกันต่อไป จนถึงเวลาเลิกงาน 16.30 น. แต่เอาเข้าจริงทำเกินเวลาเสียทุกที จนแม่บ่น ตอนอยู่ที่ทำงานไม่มีใครบ่น…

 

แม้ว่าการทำงานที่บ้านอาจจะไม่ได้ตามต้องการ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ควรได้เนื้องานอย่างเหมาะสม ทั้งนี้สำหรับตัวเองมองว่าเรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของงานก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนว่า “รู้ตัวหรือเปล่าก็กำลังทำอะไรอยู่” ที่สำคัญการทำงานที่บ้าน เราจะต้องไม่เงียบหายไปจากเพื่อนร่วมงาน/หัวหน้า ต้องมีเอ๊ะอ๊ะใน Group Line ที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อพูดคุยในการทำงานที่บ้านของทุกคนทุกวัน หากการทำงานที่บ้าน หัวหน้าหรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณทำอะไร อันนี้ก็ค่อนข้างอันตรายมิใช่น้อย

 

สำหรับการทำงานที่บ้านของตัวเอง ก็มีข้อเสียอยู่ 2-3 ประการคือ อากาศร้อนเพราะที่บ้านไร้เครื่องปรับอากาศ ทำให้ทำงานไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก ประการต่อมา เมื่ออยู่บ้านแล้วที่บ้านมีเด็กน้อย ก็จะมาวุ่นวายกับเราเกือบตลอดเวลาที่ยังไม่หลับ และสุดท้ายวุ่นวายอยู่กับการกิน เพราะแม่จะเรียกกินโน่นนี่ทั้งวัน ทั้งนี้ไม่รวมเรื่องที่ต้องวุ่นวายกับการติดตามการทำงานของบุคลากรในงาน

 

ก็คงต้องจบก่อนแล้ว ไม่งั้นจะยาวไกลไปกว่านี้…ไว้พบกันใหม่ หากยังต้องทำงานที่บ้านต่อไปอีกยาวๆ …