ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาดิฉันได้เดินทางกลับบ้านใต้ จ.นครศรีธรรมชาช และไปสักการะ ขอพรพ่อท่านโบ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว ซึ่งบริเวณลานวัดเป็นสถานที่ร่มรื่น เงียบสงบ และมีร่มไม้ใหญ่
หลวงพ่อโบ อินฺทสุวณฺโอ หรือ พ่อท่านโบ อดีตเจ้าอาวาสวัดศิลาชลเขต (วัดหิน) ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
ชาตะ ณ วันจันทร์ เดือน 12 ขึ้น 9 ค่ำ ปีชวด 2407
มรณะ ณ วันพฤหัสบดี เดือน 12 ขึ้น 9 ค่ำ ปีจอ 2477
บ้านเดิมของท่าน ท่านเกิดที่ตำบลตะหวา อำเภอเมือง รัฐกลันตัน ท่านได้เข้าศึกษาอยู่ที่วัดกลาง เมืองกลันตัน เมื่ออายุ 9 ปี มีความรู้ทางภาษาขอมทางพุทธ ภาษามลายู ภาษาไทยบ้าง มุ่งเล่าเรียนบาลีพุทธมนต์มาก จนชำนาญในสมัยนั้น เมื่ออายุ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นภิกษุที่วัดกลาง และอยู่จำพรรษาที่นี้เพียง 5 พรรษา แล้วออกเดินทางเพื่อเข้าศึกษาพระธรรมวินัยในเมืองไทย คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านได้เข้าอยู่ในเมืองไทย เมื่อ 2427 อายุ 26 ปี แล้วเดินธุดงค์เรื่อย ๆ ไป หวังจะเข้าศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานครจนกระทั่งเดินพักแรมเรื่อย ๆ ไปถึงหมู่บ้านหิน ติดเขตท่าศาลา – สิชล
ท่านหมื่นพรหมสุวรรณราษฎร์ ผู้ใหญ่บ้านพบท่านเข้าก็มีความเลื่อมใสศรัทธา จึงชักชวนชาวบ้านใกล้เคียง นิมนต์ให้อยู่ และจำพรรษา สร้างวัดถวาย เป็นอันว่าท่านได้สร้างวัดในปี 2455 และเป็นเจ้าอาวาสมาจนถึงมรณภาพ
ท่านเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ด้วย ครั้งหนึ่งท่านป่วย และได้ยินว่านายสงค์กับนายสังข์บรรทุกลูกกระท้อนมาเต็มลำเรือ เพื่อจะพาไปขายที่อำเภอปากพนัง ท่านก็ได้ให้ศิษย์วัดลงมาขอลูกกระท้อนสัก 2 ลูก นายสงค์นายสังข์บอกปฏิเสธ ว่าให้มิได้ลูกกระท้อนครบร้อย ท่านก็ได้ให้สามเณรและพระไปขออีก ทั้งสองก็ยืนกรานว่าครบร้อย ครั้งนี้ท่านลงไปที่เรือด้วยตนเองกำลังที่ยังป่วยเอามือขวาจับที่ปากเรือแล้วพูดว่า “เออไปเถิด อ้ายสงค์อ้ายสังข์เหยไปให้ครบร้อยในทะเล” จนกระทั่งบัดนั้นถึงบัดนี้ ลุงทั้งสองคนนั้นยังไม่เห็นกลับมาสักทียังมีก็แต่ลูก ๆ เท่านั้น ซึ่งเรื่องเล่านี้ คุณยายเคยเล่าให้ดิฉันฟังตอนดิฉันเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา
ลูกศิษย์ของท่าน ๆ ให้เรียนเวทมนตร์ คาถาต่าง ๆ นานา เช่น นอนในหนาม ขึ้นไม้มีหนาม กำบังตัวแบกหามเรือทั้งลำ และแบกซุงไม่ใหญ่ ๆ มีเรื่องขำอยู่เรื่องหนึ่ง คือ นายกลิ่น ผิวสลับ เป็นลูกศิษย์รักมากเวลานี้มีชีวิตอยู่ ท่านประสาทคาถากำบังกายให้นายกลิ่นทำได้ดี จนขึ้นชื่อลือชาไปในหมู่พระด้วยกัน วันหนึ่งกำบังตัวเข้าไปในห้องท่าน ขโมยน้ำตาลทรายครั้งสองครั้ง ท่านไม่ว่ากระไร นั่งเฉยอยู่ที่ประตูห้อง พอครั้งที่สาม ท่านบังเข้าไปด้วย จับไม้หวายตีนายกลิ่นทันที แล้วบอกว่า ไม่ทันไรริหัดขโมยแล้ว กูไม่ให้แล้วกับมึง ตั้งแต่นั้นมา นายกลิ่นทำไม่ได้อีกต่อไป เรื่องอภินิหารของท่านมีมากมาย เช่น ฉันน้ำตาลอ้อยตะโหนด ครั้งละ 3–4 ตุ่มใหญ่ ๆ ฉันไข่ไก่ ไข่เป็ด ทุเรียน เป็นร้อย ๆ
ท่านได้ทำความเจริญ ให้กับบ้านเมืองไทยเรา ทั้งทางด้านพระศาสนาและด้านการศึกษาไว้มากมายนัก เมื่อท่านไปใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอสิชล ท่านจะได้ทราบเกียรติศัพท์ของหลวงพ่อได้ดี ถนนหนทางวัดวาอารามหลายแห่ง ในอำเภอสิชล ท่าศาลา ท่านได้สร้างไว้มากและทั้งได้อบรมสั่งสอนกุลบุตร ให้ตั้งอยู่ในศีลธรรมเป็นอย่างดี ตลอดถึงบัดนี้ ก็ได้มีพระคุณท่านพระครูอมรสุตคุณ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสแทนท่าน ต่อมาท่านก็ได้สร้างสถานการศึกษาให้แก่กุลบุตรธิดาไว้เป็นหลัก เช่น โรงเรียนมัธยมฆังคะทวีศิลป์ และโรงเรียนสตรีทวีศิลป์ ด้านพระศาสนา ทางคณะสงฆ์ก็ได้ยกขึ้นเป็นองค์การสงฆ์เผยแผ่ และปัจจุบัน พระครูชลธรรมวงศ์ (วิทยา สุธมฺโม) เจ้าคณะอำเภอสิชล เจ้าอาวาสวัดศิลาชลเขต
ภาพประกอบ
อ้างอิง
ประวัติย่อหลวงพ่อโบ อินฺทสุวณฺโอ [ป้ายประวัติ]. (2567, ธันวาคม 30). ประวัติย่อหลวงพ่อโบ อินฺทสุวณฺโน.
นครศรีธรรมราช.