“เก่าไปใหม่มา” ทำความรู้จัก Gen Beta เด็กที่เกิดในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่ Gen X จะเริ่มเกษียณอายุในปีนี้เช่นกัน
แหล่งอ้างอิงภาพ : ปี 2568 กำเนิด Gen Beta เด็กข้ามศตวรรษ https://www.thaipbs.or.th/now/infographic/371
เด็กที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป จะเป็นตัวแทนของ Generation Beta (Gen Beta) กลุ่มประชากรรุ่นใหม่ที่เติบโตในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งเทคโนโลยี วิถีชีวิต การปรับตัวต่อปัญหาระดับโลก
Gen Beta ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำเรียกที่ดูเรียบง่ายตามลำดับตัวอักษรกรีกที่ต่อจาก “เจเนอเรชันอัลฟา” เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้แบบไร้ขีดจำกัด
ตามการคาดการณ์ของ McCrindle บริษัทวิจัยด้านสังคมศาสตร์ในออสเตรเลีย ให้คำจำกัดความว่า “พวกเขาจะเกิดมาในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง”
รู้จักความโดดเด่นในแต่ละ Generation
• Greatest เกิดก่อน พ.ศ. 2468 ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะเด่นมุ่งมั่นทำงานหนัก
• Silent เกิดระหว่าง พ.ศ. 2468-2488 เงียบขรึม เน้นครอบครัว
• Baby Boomers เกิดระหว่าง พ.ศ. 2489-2507 เป็นประชากรที่มีจำนวนมากขณะนี้
• Gen X เกิดระหว่าง พ.ศ. 2508-2522 เป็นอิสระ ชอบความท้าทาย
• Gen Y หรือ Millennials เกิดระหว่าง พ.ศ. 2523-2539 เชื่อมต่อกับเทคโนโลยี ชอบทำงานเป็นทีม
• Gen Z เกิดระหว่าง พ.ศ. 2540-2552 เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
• Gen Alpha เกิดระหว่าง พ.ศ. 2553-2567 เชี่ยวชาญเทคโนโลยี เรียนรู้ไว เป็นตัวของตัวเอง
• Gen Beta เกิดระหว่าง พ.ศ. 2568-2582 ดิจิทัลเชื่อมโยงกับชีวิตจริงอย่างสมบูรณ์
“เบตา” เด็กข้ามศตวรรษ
ทั้งนี้ Gen Beta ที่เกิดใน พ.ศ. 2568 จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปี ใน พ.ศ. 2644 หรือ ค.ศ. 2101 นั่นหมายความว่าเด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตใน ศตวรรษที่ 22
เจเนอเรชันเบตาจะประกอบด้วยเด็กที่เกิดระหว่างปี 2568-2582 และภายในปี 2578 พวกเขาจะมีจำนวนประชากรคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลก ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ทารกที่เกิดในปี 2568 จะมีโอกาสมีอายุถึง 76 ปีในปี 2644 หรือปี ค.ศ.2101 นั่นหมายความว่าเด็กกลุ่มนี้จะได้ใช้ชีวิตใน ศตวรรษที่ 22 ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในเจเนอเรชันปัจจุบันอาจไปไม่ถึง
AI คือโลกของเบตา
หากเจเนอเรชันอัลฟาเติบโตในยุคที่เทคโนโลยีอย่างสมาร์ตโฟนและ AI เพิ่งเริ่มเข้ามามีบทบาท เด็กเจเนอเรชันเบตาจะได้สัมผัสกับโลกที่ AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) ผสานเข้ากับชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่โรงเรียนที่มีครู AI ที่สามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กแต่ละคน ไปจนถึงระบบสุขภาพที่สามารถวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษาได้แบบเรียลไทม์
โลกที่พวกเขาเติบโตมาจะไม่ได้แยก “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์” ออกจากกันอีกต่อไป แต่จะเป็นโลกที่ทั้ง 2 ส่วนนี้เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ การเรียนรู้ การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน จะถูกรวมไว้ในระบบดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกทุกด้าน
แต่ “เบตาเบบี้” ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเท่านั้น พวกเขายังต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของประชากร และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม เพราะพวกเขาเป็นผลผลิตจากพ่อแม่ที่เกิดในยุคเจน Y และเจน Z
ความท้าทายพ่อแม่เจน Y-Z ต้องเลี้ยงดู “เบตา”
จากการสำรวจของ Pew Research Center พบว่าร้อยละ 71 ของมิลเลนเนียลหรือเจเนอเรชัน Y และร้อยละ 67 ของเจเนอเรชัน Z เห็นว่าการจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ต้องทำเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน
พ่อแม่ของเจเนอเรชันเบตา จะเป็นกลุ่มที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของลูก ๆ โดยสำรวจพบว่าร้อยละ 36 ของพ่อแม่เจน Z และร้อยละ 30 ของพ่อแม่เจน Y สนับสนุน “การจำกัดเวลาในการใช้หน้าจอของเด็ก” เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบ เช่น การเสพติดหน้าจอ การลดทอนความสัมพันธ์ในครอบครัว และปัญหาสุขภาพจิตเหล่าพ่อแม่จะพยายามปลูกฝังให้ เด็กเจนเบตา เติบโตในครอบครัวที่เน้นการเรียนรู้แบบองค์รวม ใช้เวลากับธรรมชาติ กิจกรรมสร้างสรรค์ และการส่งเสริมทักษะทางสังคม
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เจเนอเรชันเบตาจะเติบโตมาแบบมีศักยภาพในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์และการปรับตัว พวกเขาจะเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และสร้างแนวทางแก้ปัญหาที่คนในยุคปัจจุบันอาจยังนึกไม่ถึง
ผู้ใหญ่ต้อง ปรับตัว-เปลี่ยนแปลง-เปิดใจ
ในการเลี้ยงดูและสนับสนุนเด็กเจเนอเรชันเบตา ผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนวิธีคิดอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกที่เทคโนโลยีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีกับการพัฒนาทักษะชีวิตในโลกจริง เช่น การจำกัดเวลาหน้าจอเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และส่งเสริมกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือการเรียนรู้นอกระบบดิจิทัล การสอนให้เด็กเข้าใจถึงความปลอดภัยในโลกออนไลน์ การจัดการข้อมูลส่วนตัว และการใช้งานเทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงและมีศักยภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ควรปรับทัศนคติในการเลี้ยงดูเด็กโดยมองว่าเด็กเจเนอเรชันเบตาจะต้องเผชิญกับปัญหาระดับโลกที่ท้าทายมากขึ้น เช่น สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม และการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรง การปลูกฝังแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ยังเล็กเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการสนับสนุนให้พวกเขาพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และความยืดหยุ่นทางจิตใจ (resilience) เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ ในโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
ผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบัน ควรทำหน้าที่เป็น “ผู้สนับสนุนที่ดี” เปิดรับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็กเจเนอเรชันนี้ในทุกย่างก้าวของการเติบโต เพราะเมื่อเจเนอเรชันเบตาสิ้นสุดลงในปี 2582 เจเนอเรชันถัดไปอาจถูกเรียกว่า “เจเนอเรชันแกมมา” ซึ่งคาดว่าจะเป็นกลุ่มประชากรที่เกิดระหว่างปี 2583-2597 พวกเขาจะเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะยังคงมรดกทางความคิดและความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมจากพ่อแม่ในเจเนอเรชันก่อนหน้า
10 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับ “เบตาเบบี้”
- เกิดระหว่างปี 2568-2579 เป็นกลุ่มประชากรที่เกิดขึ้นต่อจากเจเนอเรชันอัลฟา
- ชื่อ “เบตา” มาจากอักษรกรีก
- คาดการณ์ว่าเป็นร้อยละ 16 ของประชากรโลกในปี 2578 จะมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจและสังคม
- เติบโตในยุคที่ AI เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันตั้งแต่การศึกษา การทำงาน ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ
- พ่อแม่เป็นเจเนอเรชัน Y-Z ซึ่งมีแนวโน้มใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี
- เผชิญความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศและความเป็นเมืองต้องเรียนรู้เรื่องการปรับตัวกับปัญหาระดับโลกที่ซับซ้อน
- มีแนวโน้มถูกเลี้ยงดูด้วยความระมัดระวังเรื่องหน้าจอ เพราะพ่อแม่สนับสนุนการจำกัดเวลาใช้งานเทคโนโลยี
- เติบโตมาในโลกดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงอย่างสมบูรณ์ไม่แยกระหว่าง “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์”
- มีโอกาสใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 22 ทารกที่เกิดปี 2568 จะมีอายุ 76 ปีในปี ค.ศ.2101
- อาจเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อโลกที่ยั่งยืนด้วยพื้นฐานการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
ที่มา :
Thai PBS NEWS. (1 ม.ค. 2568). รู้จัก “เจน เบตา” ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ แต่คือความหวังโลกศตวรรษหน้า. https://www.thaipbs.or.th/news/content/347763
ยังมีข้อมูลให้อ่านอีกหลากหลายแหล่ง ไปหาอ่านกันได้ค่ะ ใช้ Keyword “เจนเบตา” หรือ “Gen Beta” ไปค่ะชวนไปอ่านเพื่อทำความรู้จักกับผู้ใช้บริการในอนาคตของเรา ซึ่งผู้เขียนอาจจะไม่ทัน แต่น้องๆ บรรณารักษ์รุ่นใหม่ต้องทันแน่นอน จะได้เข้าใจผู้ใช้บริการและสามารถออกแบบบริการให้เหมาะสมได้ต่อไป
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่ออ่าน :
Oliver Kittipong Veerataecha และ Siwalai Srisatriyanon. (19 ก.ค. 2567). ทำความรู้จัก “Gen Beta” ผู้บริโภคแห่งอนาคตที่จะพลิกโฉมโลกในรุ่นต่อไป. https://www.marketingoops.com/reports/generation-beta/
พีรชัย พสุทันท์. (6 ม.ค. 2568). เราอาจรู้จักภาษากรีกมากกว่าคำว่าเด็ก “เจนเบตา (Gen Beta)”. https://www.thaipbs.or.th/now/content/2131
เสาวลักษณ์ เขตสูงเนิน. (4 ม.ค. 2568). ทำไม Gen Y-Z ต้องเรียนรู้ ‘Gen Beta’ Gen ใหม่ที่จะโตมากับ AI ความหลากหลาย และวิกฤตโลกร้อน. https://thestandard.co/gen-beta-ai-climate-change-adaptation/
PPTV Online. (1 ม.ค. 2568). ยุคใหม่! ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป เด็กที่เกิดใหม่เป็น “เจนเบตา”. https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/239752
กรุงเทพฯธุรกิจ. (1 ม.ค. 2568). ต้อนรับเจน BETA น้องใหม่ เจนแห่ง AI-First รับปี 2025 สิ้นสุดยุคเจน Alpha. https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/judprakai/1160189