อภิธรรมนำทางชีวิต

พระอภิธรรมปิฏก

ปฐมเหตุ การเกิดขึ้นของพระอภิธรรม พรรษาที่ ๗ พระพุทธองค์ทรงแสดงพระอภิธรรมปิฏกบนสวรรค์ดาวดึงส์โปรดพุทธมารดา

ในสัปดาห์ที่ ๘  หลังจากที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับพระอภิธรรมซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับปรมัตถธรรม (จิต เจตสิก รูป นิพพาน)   อันเป็นแก่นของธรรมะใน พระพุทธศาสนาอยู่ตอลด ๗ วัน ในขณะที่ทรงพิจาณาเรื่องของเหตุ เรื่องของปัจจัยในปรมัตถธรรมอันเป็นที่มาของคัมภีร์มหาปัฏฐานอยู่นั้นก็ปรากฏฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) มีสีเขียว สีเหลือง สีแดง สีเทา สีเงิน และสีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก แผ่ออกมาจากพระวรกายอย่างน่าอัศจรรย์

ในช่วง ๖ พรรษาแรกของการประกาศพระศาสนา พระพุทธองค์ยังมิได้ทรงตรัสสอนพระอภิธรรมแก่ผู้ใด เพราะพระอภิธรรมเป็นธรรมะที่เกี่ยวข้องกับปรมัตถธรรมล้วนๆ  ยากแก่การที่จะอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่ายบุคคลที่จะรับอรรถรสของพระอภิธรรมได้นั้นต้องเป็นบุคคลที่ประกอบด้วยศรัทธา่อันมั่นคง และเคยได้สั่งสมบารมีอันเกี่ยวกับปัญญาในเรื่องนี้มาบ้างแล้วแต่กาลก่อน แต่ในช่วงต้นของการประกาศพระศาสนานั้นคนส่วนใหญ่ยังมีศรัทธา และมีความเชื่อในพระพุทธศาสนาน้อย ยังไม่พร้อมที่จะรับฟังคำสอนเกี่ยวกับปรมัตถธรรมซึ่งเป็นธรรมะอันลึกซึ้งได้ พระองค์จึงยังไม่ทรงแสดงให้ทราบ เพราะถ้าทรงแสดงไปแล้ว ความสงสัยไม่เข้าใจหรือความไม่เชื่อย่อมจะเกิดแก่ชนเหล่านั้น เมื่อมีความสงสัยไม่เข้าใจ หรือไม่เชื่อแล้ว ก็จะเป็นเหตุให้เกิดการดูหมิ่นดูแคลนต่อพระอภิธรรมได้ ซึ่งจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี

ล่วงมาถึงพรรษาที่ ๗  พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงพระอภิธรรมเป็นครั้งแรกโดยเสด็จข้นไปจำพรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทดแทนคุณของพระมารดาด้วยการแสดงพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดา ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ประสูติพระองค์ได้ ๗ วัน และได้อุบัติเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตมีพระนามว่า สันดุสิตเทพบุตร ในการแสดงธรรมครั้งนี้ได้มีเทวดา และพรหมจากหมื่นจักรวาลจำนวนหลายแสนโกฏิมาร่วมฟังธรรมด้วย โดยมีสันดุสิตเทพบุตรเป็นประธาน ณ ที่นั้นุพระอภิธรรมปิฏก เรียกย่อหรือหัวใจว่า สํ     วิ      ธา    ปุ     ก     ย     ป  คือ

1.สังคณี  หรือ ธัมมสังคณี รวมข้อธรรมเข้าเป็นหมวดหมู่แล้วอธิบายทีละประเภทๆ

2.วิภังค์ ยกหมวดธรรมสำคัญๆ ขึ้นตั้งเป็นหัวเรื่องแล้วแยกแยะออกอธิบายชี้แจงวินิจฉัยโดยละเอียด

3.ธาตุกถา สงเคราะห์ข้อธรรมต่างๆเข้าในขันธ์ อายตนะ ธาตุ

4.บุคคลบัญญัติ บัญญัติความหมายของบุคคลประเภทต่างๆ ตามคุณธรรมที่มีอยู่ในบุคคลนั้นๆ

5.กถาวัตถุ แถลง และวินิจฉัยทัศนะของนิกายต่างๆ สมัยสังคายนาครั้งที่ ๓

6.ยมก ยกหัวข้อธรรมขึ้นวินิจฉัยด้วยวิธีถามตอบ โดยตั้งคำถามย้อนกันเป็นคู่ ๆ

7.ปัฏฐาน หรือมหาปกรณ์ อธิบายปัจจัย ๒๔ แสดงความสัมพันธ์เนื่องอาศัยกันแห่งธรรมทั้งหลาย
โดยละเอียด

อกุสลา  ธมฺมา =  อกุสลา  ก็ ธัมมา

เสียงนี้เป็นเสียงที่ชาวไทยพุทธมักจะได้ยินเวลาไปงานศพตามวัดหรือบ้าน และก็จะได้ยินควบคู่มากับคำว่า กุสลา ธมฺมา และ อพยากตา  ธมฺมา เป็นต้น ท่านเรียกบทเหล่านี้ว่า มาติกาบท คือบทหัวข้อ แห่งพระปรมัตถธรรมที่จะมีการจำแนกอย่างละเอียดในพระอภิธรรมปิฏกตั้งแต่คัมภีร์พระธัมมสังคณีเป็นต้น ไปตามลำดับ

ส่วนความหมายของคำว่า อกุสลา ธมฺมา ณ ที่นี้ก็เพียงแค่จะให้ทราบเป็นเพียงเบื้องต้นเป็นอุทเทสหรือเป็นหัวข้อเท่านั้น เป็นการกล่าวถึงว่ามีหัวข้อธรรมที่เป็นอกุศลด้วย เช่นเดียวกับหัวข้อธรรมที่เป็นกุศลและธรรมที่เป็นอพยากตะเป็นต้นในหมวดติกะเดียวกันนี้

อกุศลธรรมดังกล่าวนี้เป็นสภาวะธรรมที่ตรงกันข้ามกับกุศลธรรม เป็นสภาวะที่มีโทษ และให้ผลเป็นวิบากที่ไม่ดี ไม่ใช่เป็นเพียงธรรมที่ไม่ใช่กุศลเท่านั้นที่มีการให้ผลตรงไปตรงมาคือทำอย่างไรให้ผลอย่างนั้น แม้อกุศลก็เช่นเดียวกันคือให้ผลตรงไปตรงมาตามที่ทำนั่นเอง

การที่ทั้งกุศลธรรมและอกุศลธรรมให้ผลตามที่ทำนี่เอง เรียกว่า ธมฺมา  =   เป็นธรรม

ดังภาษาบาลีที่ท่านกล่าวไว้ว่า   อตฺตโน     สภาวํ    ธาเรตีติ     ธมฺโม  (ธาเรติ ย่อมทรงไว้  ย่อมดำรงไว้ สภาวํ ซึ่งสภาวะ ซึ่งความมี ความเป็นปรากฏ  อตฺตโน  ของตน  อิติ  เพราะเหตุนั้น  ธมฺโม  ชื่อว่า ธมฺม  (สภาวะธรรม)

หากผู้ที่สนใจสามารถศึกษาพระธรรมคำสอนได้

ตามวัดหรือสถานที่เปิดสอนธรรม แนวทางการเรียนการสอน

ชั้นจูฬอาภิธรรมิกะตรี (ปริจเฉทที่ 1, 2, 6)

  • ปริจเฉทที่ 1 จิต
  • ปริจเฉทที่ 2 เจตสิก
  • ปริจเฉทที่ 6 รูปและนิพพาน

ชั้นจูฬอาภิธรรมิกะโท (ปริจเฉทที่ 3, 7)

  • ปริจเฉทที่ 3 ปกิณณกสังคหะ
  • ปริจเฉทที่  7 สมุจจยสังคหะ

ชั้นจูฬอาภิธรรมิกะเอก

  • คัมภีร์ธัมมสังคณี

ชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะตรี (ปริจเฉทที่ 4, 5)

  • ปริจเฉทที่ 4 เป็นเรื่องของวิถี (วิถีสังคหะ) วิถีแบ่งออกเป็น นามวิถี  และรูปวิถึ

การจำแนกวิถี แบ่งออกเป็น 1.ปัญจทวารวิถี 2.มโนทวารวิถี

มโนทวารวิถี แบ่งเป็น 2.1) กามชวนมโนทวารวิถี และ 2.2)  อัปปนาชวนมโนทวารวิถี

กามชวนมโนทวารวิถี แบ่งออกเป็น 2.1.1)  ตทนุวัตติกมโนทวารวิถี หรืออนุพันธมโนทวารวิถี และ 2.1.2)  สุทธ

มโนทวารวิถี หรือ กามชวนสุทธมโนทวารวิถี

  • ปริจเฉทที่  5  มีชื่อว่าวิถีมุตตสังคหะซึ่งว่าด้วยความเป็นไปของจิตในปฏิสนธิกาล อันจะครอบคลุมเรื่อง ภูมิ (ภูมิจตุกกะ) การเกิด (ปฏิสนธิจตุกกะ)  กรรม (่กัมมจตุกกะ)

ชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะโท (ปริจเฉทที่ 8, 9)

  • ปริจเฉทที่ 8 ว่าด้วยเรื่องของปฏิจจสมุปบาท
  • ปริจเฉทที่ 9 ว่าด้วยเรื่องกรรมฐาน

ชั้นมัชฌิมอาภิธรรมิกะเอก  (คัมภีร์ธาตุกถา)

  • เนื้อหาคือหนังสือธาตุกถาสรูปัตถนิสสยะ เป็นการสรุปความของคัมภีร์ธาตุกถา เป็นคัมภีร์ลำดับที่ ๓ ของพระอภิธรรมปิฏก เนื้อความของธาตุกถา คือการนำธรรม ๓๗๑ บทมาจำแนกว่านับสงเคราะห์ได้หรือไม่ได้ ด้วย ขันธ์ อายตนะ ธาตุ สัจจะ

ชั้นมหาอาภิธรรมิกะตรี (คัมภีร์ยมก – มูลยมก และขันธยมก)

  • คัมภีร์ยมกหมายถึงคัมภีร์ (ปกรณ์) ที่แสดงธรรมเป็นคู่ๆ ในลักษณะคำถาม คำตอบ กลับไปมา เช่นธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่เป็นกุศลมีอยู่ ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดชื่อว่ากุศลใช่ไหม (คำถามที่ ๑)

หรือว่าธรรมเหล่าใดชื่อว่ากุศลมูลมีอยู่  ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศลใช่ไหม (เป็นคำถามคู่กัน) เป็นต้น

ชั้นมหาอาภิธรรมิกะโท (คัมภีร์ยมก – อายตนยมก ธาตุยมก และสัจจยมก)

ชั้นมหาอาภิธรรมิกะเอก (คัมภีร์มหาปัฏฐาน)

เนื้อหาแบ่งออกเป็น

    • ฮูทเทส/นิเทศ/ฆฏนา
    • สรุปเนื้อความ ๓ ปุระการ/จำแนกปัจจัยโดยลักษณะ และชาติ กาล สัตติ
    • ปัญหาวาระวิภังค์/วิธีพระบาลี/อนุวาทะพระบาลี/จำแนกบทและแสดงองค์ธรรม
    • วจนัตถะ/คำอธิบาย/อุปมา
    • สรุปปัจจัย ๒๔

ขอเชิญผู้สนใจในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ ยถารุจิยา