ฝังทรัพย์ไว้ในดิน (กล้วยด่าง)

“กล้วยด่าง ” ดิฉันได้ยินคำนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณช่วงของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ช่วงปีแรก คือ ประมาณเดือนเมษายน 2563  ในตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่า กล้วยด่างเป็นอย่างไร ทำไมราคาค่อนข้างสูง มีดีอย่างไร ทำไมเพื่อนชอบสั่งมาทางออนไลน์  แต่เมื่อลองส่งคำขอเข้าไปในกลุ่มคนรักกล้วยด่างและได้รับการอนุมัติจากแอดมิน ก็ลองหาอ่านโพสต์ต่าง ๆ ก็พบว่า มีราคามากกว่าที่เราคิดไว้  เป็นที่ต้องการของท้องตลาด โดยเฉพาะตลาดในโลกโซเชียล จึงได้สอบถามข้อมูลจากเพื่อน ๆ และตัดสินใจสั่งกล้วยต้นแรก แต่ยังไม่ใช่กล้วยด่าง เป็นกล้วยเสือพราน ตามด้วยกล้วยแดงอินโด ตอนนั้นราคาประมาณ 800-1,000 บาท ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหลักพันบาท คือ กล้วยตานีด่าง (น้อย) 1,000 บาท, กล้วยน้ำว้าค่อมด่าง ต้นละประมาณ 2,000 บาท และพัฒนาไปจนถึงแพงสุดตอนนั้น คือ กล้วยด่างฟลอริด้า ต้นละ 2,650 บาท ที่แพงสุดในชีวิต คือ กล้วยเทพนมด่าง ต้นละ 15,000 บาท  มีพี่ ๆ น้อง ๆ หลายคนที่พบเห็นและสอบถามเวลาที่ขนส่งมาส่งกล้วย ทุกคนก็งงและสงสัยว่าทำไมเราซื้อกล้วยอะไรได้แพงขนาดนี้ ซื้อมาทำไม ตอนนั้นก็ยอมรับว่าวงการต้นไม้อ่านะ เข้าแล้วออกยาก ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าหรือไม่อย่างไร เพราะเข้าใจและยอมรับว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง”

จนกระทั่งดิฉันได้ปลูกกล้วยทุกอย่างลงดินมาประมาณ 6 เดือน – 12 เดือน จากไม่มีความรู้ก็พยายามหาความรู้เรื่องการปลูกกล้วยจากหลาย ๆ แหล่ง จากการสอบถาม จากการอ่านโพสต์ต่าง ๆ ของสมาชิกในกลุ่ม  ก็มีทั้งเติบโตดีและตายไป จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาประมาณ 9 เดือน พบว่า ราคากล้วยต่าง ๆ จากเดิมที่ซื้อมาในราคาหลักร้อยบาทหรือพันบาทต้น ๆ แต่บัดนี้ราคากล้วยต่าง ๆ  ได้พัฒนาไป ดังนี้  กล้วยน้ำว้าค่อมด่าง  หน่อละ 10,000  บาทขึ้นไป /กล้วยตานีด่าง  หน่อละ 5,000 บาท ขึ้นไป  / กล้วยด่างฟลอริด้า หน่อละ 7,000 บาท ขึ้นไป  /กล้วยแดงอินโด หน่อละ  5,000 บาท ขึ้นไป    พบว่า กล้วยที่ดินฉันปลูกไว้ก็มีทั้งได้กำไรเกินคาดและขาดทุนเกินคาด คือ ตายและสลายลงดินคืนสู่่ธรรมชาติไปก็มี  จะขอยกตัวอย่าง ดังนี้

  1. กล้วยฟลอริด้า จากราคา 2,650 บาท ปรากฎว่า ปลูกยาก อาจไม่ชอบดินบางประเภท วัสดุปลูกบางประเภท นิ่ง ๆ ไม่โต ไม่ตาย ผ่านไปประมาณ 6 เดือน ปรากฎว่า “ตาย”  เท่ากับกล้วยต้นนี้แพงสุด ณ ขณะนั้น แต่ไม่เหลืออะไรเลย ไม่ได้แม้แต่ทุนคืน

2. กล้วยน้ำว้าค่อมด่าง จากราคา 2,000 บาท  ปลูกง่ายมาก ๆ ลงดิน 1-2 เดือนแรก ยอดพุ่ง แตกใบไวมาก 6 เดือนให้หน่อลูก  ปรากฎว่าราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน  ให้หน่อมาแล้ว ประมาณ 8 หน่อ 4 หน่อ มีเขียว 2 ด่าง 2  ด่างราคาหน่อละ 4,000-5,000 บาท  เขียวหน่อละ 1,000 บาท   หน่อต่อมา หน่อละ 7,000 บาท  หน่อต่อมาหน่อละ 9,000 บาท หน่อต่อมา 10,000 บาท และหน่อท้ายสุด คือ 15,000 บาท (ยังไม่ได้ขาย รอขายอยู่)

3. กล้วยตานี (ด่างน้อย) ใช้เวลาตั้งต้นช้ามาก กว่าจะโตกว่าจะออกหน่อลูก แถมออกมาไม่ด่างสักหน่อ เขียวทุกหน่อ ประมาณ 10 หน่อ ถือว่าให้หน่อดกมาก ๆ   ก็จึงไม่ได้ขุดขาย ถามว่าถ้าขายได้ไหม  ขายได้ค่ะ ประมาณหน่อละ 1,000 – 1,500 บาท แต่ยังไม่ขายเพราะทำใจไม่ได้ จริง ๆ ถ้าขาย หน่อสองหน่อก็ได้ทุนแล้วค่ะ

4. กล้วยเทพนมด่าง ราคาซื้อ 15,000 บาท  ปลูกมาประมาณ  4-5 เดือน ยังไม่คืบหน้า โตค่อนข้างช้า  จึงยังไม่มีหน่อให้ขายได้

5. กล้วยแดงอินโด จากราคา 800-1,000 บาท  ตอนที่ซื้อมาลำต้นเล็กมาก เปราะบาง ขนาดเท่านิ้วโป้งมือ ปลูกค่อนข้างยาก โดนนิดเดียวลำต้นก็จะหัก  รดน้ำแรงไม่ได้ ใช้เวลาตั้งต้นนานมากกว่าจะให้หน่อลูกใช้เวลาโดยรวมประมาณ 8 เดือน แต่คนอื่น ๆ โตไวให้หน่อดก แต่ที่สวนดิฉันกลับตรงกันข้าม ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดเช่นกัน  บัดนี้ ให้หน่อมาประมาณ 4 หน่อ  ราคา ณ ตอนนี้ซื้อขายอยู่ที่ 5,000 บาทขึ้น/หน่อ  ยังไม่เคยขายออก ขอบำรุงให้โตเต็มไวและแข็งแรงกว่านี้ กว่าจะขายได้ก็ไม่ทราบว่าราคาจะแกว่งขึ้นหรือแกว่งลงกว่านี้นะคะ  แต่คาดว่าจะขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปลูกยาก

6. กล้วยเสือพราน ราคาประมาณ 650 บาท  ตายตั้งแต่ยังไม่ลงหลุมปลูก คือ ตายในกระถางชำที่ส่งมา

การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าเราจะลงทุนในเรื่องใด ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้งนะคะ

 

One comment

Leave a Reply