วันมาฆบูชา

วันนี้ ตรงกับวันพุธ ที่ 12 กพ. 68 เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “วันมาฆบูชา”   และเป็นวันกตัญญู  เป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระโอวาทปาฏิโมกข์ (วันมาฆบูชา)

ความสำคัญของมาฆบูชา

มาฆมาส เป็นเดือนที่พระจันทร์จรมา ตรงกับดาวฤกษ์ชื่อมฆะ หรือมาฆะ ซึ่งเห็นเป็นรูปคล้ายงอนโถ เลยมักเรียกว่าดาวงอนโถ ปกติจะตกในวันเพ็ญเดือนกุมภาพันธ์ สื่อถึงอริยมรรค เป็นเดือนที่มีการบูชา ชาวพุทธถือวันมาฆบูชาว่าเป็นวันพระสงฆ์ พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรบรรลุอรหัตตมรรค และอรหัตตผลในวันนี้ หลังจากได้แม่ทัพธรรมแล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงอาศัยการเกิดมีจาตุรงคสันนิบาตมีพระอรหันตขีณาสพ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันที่พระเวฬุวัน ประกาศตำราพิชัย (ธรรม) ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประกาศอุดมการณ์ หลักการ วิธีการในการเอาชนะมาร และเสนามาร

และวันเพ็ญเดือนมาฆะเดียวกันนี้ ในอีก 45 ปีต่อมา พญามารก็มาทูลอาราธนาให้พระพุทธองค์ปรินิพพาน พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพุทธบริษัททั้งสี่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดำรงศาสนพรหมจรรย์ให้ยืนยาวสืบไปได้เองแล้ว จึงทรงปลงพระชนม์มายุสังขาร ถือเป็นการส่งต่อภาระพระศาสนาจากพระพุทธองค์ท่านมาสู่ชาวพุทธทุกทุกคน

ในอีก 1 ปีถัดมาก็ยังเป็นวันที่เสร็จสิ้นการสังคยานาพระไตรปิฏกครั้งที่ 1 และในอีก 100 ปีต่อมาเป็นวันที่เสร็จสิ้นการสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งที่ 2ื  อีกด้วย นอกจากนั้นในวันนี้เองก็ได้สร้างเหตุปัจจัยเพื่อการสังคายนาครั้งที่ 3 ที่ทำให้พระพุทธศาสนาได้เผยออกจากชมพูทวีป แผ่ไปทั่วโลก

ด้วยมาฆบูชาศัพท์นี้เอง จะแปลให้เป็นการระลึกถึงมฆมาณพ ผู้เป็นตัวอย่างของบุคคลผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศล

ในวันมาฆบูชานี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมก มี 3 คาถาครึ่ง

คาถาแรก บอกอุดมการณ์ของชาวพุทธ

คือ นิพพานํ  ปรมํ  วทนฺติ พุทธา  ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า  นิพพานเป็นธรรมอันเยี่ยมที่สุด แต่ถ้ายังไม่ถึงนิพพานล่ะ  ก็ให้มีขันติไปก่อน  ขนฺติ  ปรมํ  ตโป  ตีติกขา  ขันติคือความอดกลั้น  เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง

คาถาที่ 2 บอกวิธีการของชาวพุทธ 3 ข้อ

คือ ไม่ทำบาป  ทำกุศลให้ถึงพร้อม และชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

คาถาที่ 3 บอกหลักการของชาวพุทธ 6 ข้อ

คือการไม่กล่าวร้ายใคร การไม่ทำร้ายใคร การมีความสำรวมในปาติโมกข์ทั้งหลาย การเป็นผู้รู้ประมาณในอาหาร  การรู้จักที่นั่งที่นอนอันสงัดและการบำเพ็ญเพียรในอธิจิต

จาตุรงคสันนิบาต : การประชุมประกอบด้วยองค์สี่ 

องค์สี่นี้ ตามคัมภีร์ปปัญจสูทนี (อรรถกถาของมัชฌิมนิกาย) ระบุว่าการประชุมสาวกครั้งนั้น ประกอบด้วย “องค์ประกอบอัศจรรย์ 4 ประการ ” คือ 1. วันดังกล่าว ตรงกับวันเพ็ญเดือน 3   2.พระภิกษุทั้ง 1,250 รูป ได้มาประชุมกันโดยมีได้นัดหมาย   3. ต่างเป็นพระอรหันต์ทรงอภิญญา 6   4.พระพุทธเจ้าทรงประธาน “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” ด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น

ด้วยเหตุการณ์ประจวบกัน 4 อย่าง จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จาตุรงคสันนิบาต (มาจากศัพท์บาลี จาตุร  +  องค +สนฺนิปาต แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งสี่ประการ)

หน้าที่ของชาวพุทธ

วันนี้ ตอนเช้า ข้าพเจ้านำอาหารไปตักบาตรที่วัดมะขาม ปทุมธานี  รับศีล และรักษาศีล บูชาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมณ์ นมัสการพระรัตนตรัย  ฟังพระสวดอิติปิโส (บทสวดถวายพรพระ) ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) ชัยปริตร  (มหากาฯ) และ ฟังพระแสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง  หญิงสาวผู้มีปัญญา  บูชาพระธรรม

ช่วงเย็น   ข้าพเจ้าไปสวดมนต์ กราบพระรัตนตรัย รับศีล รักษาศีล  ฟังท่านเจ้าอาวาส บรรยายธรรม เรื่องคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การไม่ทำบาปทั้งปวง, การทำกุศลให้ถึงพร้อม, การชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว และเรื่อง กิเลส  กรรม วิบาก   ภาคปฏิบัติเจริญภาวนาประมาณ 5 นาที   และกล่าวคำบูชามาฆปุรณมี ดังนี้

อัชชายัง มาฆะปุณณะมี สัมปัตตา มาฆะนักขัตเตนะ ปุณณะจันโท ยุตโต ยัตถะ ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ จาตุรังคิเก สาวะกะสันนิปาเต
โอวาทะปาฏิโมกขัง อุททิสิ ตะทาหิ อัฑฒะเตระสานิ สัพเพสังเยวะ ขีณาสะวานัง สัพเพ เต เอหิภิกขุกา สัพเพปิ เต อะนามันติตาวะ ภะคะวะโต สันติกัง อาคะตา เวฬุวะเน กะลันทะกะนิวาเป มาหะปุณณะมิยัง วัฑฒะมานะกัจฉายายะ ตัสมิญจะ สันนิปาเต ภะคะวาวิสุทธุโปสะถัง อะกาสิ อะยัง อัมหากัง ภะคะวะโต เอโกเยวะ สาวะกะสันนิปาโต อะโหสิ จาตุรังคิโก อัพฒะเตระสานิ ภิกขุสะตานิ สัพเพสังเยวะ ขีณาสะวานัง มะยันทานิ อิมัง มาฆะปุณณะมี นักขัตตะสะมะยัง ตักกาละสะทิสัง สัมปัตตา จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะระมานา อิมัสมิง ตัสสะ ภะคะวะโต สักขิภูเต เจติเย อิเมหิ ทีปะธูปะปุปผาทิสักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง ตานิ จะ อัฑฒะเตระสานิ
ภิกขุสะตานิ อะภิปูชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สะสาวะกะสังโฆ สุจิระปะรินิพพุโต คุเณหิ ธะระมาโน อิเม ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ

แปลความว่า

วันนี้มาประจวบวันมาฆปุรณมี เพ็ญเดือน ๓ พระจันทร์เพ็ญประกอบด้วยฤกษ์มาฆะ ตรงกับวันที่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ขึ้น ในที่ประชุมสาวกสงฆ์พร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ

ครั้งนั้น พระภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์ ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพ อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา ไม่มีผู้ใดเรียกมาประชุมยังสำนักพระผู้มีพระภาค ณ เวฬุวนาราม เวลาตะวันบ่ายในวันมาฆปุรณมี,  แลสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำวิสุทธิอุโบสถ ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ขึ้น ณ ที่ประชุมแห่งนั้น การประชุมสาวกสงฆ์ พร้อมด้วยองค์ ๔ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเราทั้งหลายนี้ ได้มีครั้งเดียวเท่านั้น พระภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์ล้วนแต่พระขีณาสพ

บัดนี้เราทั้งหลายมาประจวบมาฆปุรณมีนักขัตต์สมัยนี้ ซึ่งคล้ายกับวันจาตุรงคสันนิบาตนั้นแล้ว มาระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุ ๑,๒๕๐ องค์นั้น ด้วยสักการะทั้งหลายมีเทียนธูปแลดอกไม้เป็นต้นเหล่านี้ ในเจดียสถานนี้ ซึ่งเป็นพยานของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอเชิญพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยสาวกสงฆ์ แม้ปรินิพพานนานมาแล้วด้วยดี ยังเหลืออยู่แต่พระคุณเจ้าทั้งหลาย จงทรงรับสักการะบรรณาการคนยากเหล่านี้ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนาน เทอญ

รับพรเป็นภาษามอญ  แล้วเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ สวดมนต์บทถวายพรพระพุทธเจ้า และ น้อมรู้ระลึกถึงคุณความดีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอยกบุญกุศลที่ได้กระทำดีแล้วนี้ ให้แก่ มารดา และบิดาของข้าพเจ้า

น้อมนำบุญมาฝากพี่น้องชาวหอสมุดฯ ทุกคน ค่ะ

 

 

 

 

Leave a Reply