1 ชีวิตจากไป อุทาหรณ์เตือนใจ…ภัยจาก Internet
ขอไว้อาลัยแด่น้องมนณ์
ที่พี่เพิ่งเห็นหน้าน้องเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย…เมื่อวาน
………………….
กรรมใด….ใครก่อ...สักวันจะต้องสนอง…ไม่ทางใด…ก็ทางหนึ่ง
บาป-กรรมมีจริง และพี่ก็เชื่อจากประสบการณ์ค่ะว่า…ตามกันทันชาตินี้
หลับให้สบายเถิดน้อง อโหสิกรรม ให้ “ผู้ใดก็ตาม” ที่ทำร้ายน้อง
เพื่อมันจะได้สิ้นเวร-กรรมในชาตินี้ จะได้ไม่ติดค้างกันต่อไปอีก
………………….
และขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับครอบครัวของน้องด้วย
…โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็ก ที่ไม่รู้เดียงสา ขนาดไม่เข้าใจเอาเลยว่า
ทำไมเย็นนี้..แม่ไม่ไปรับกลับจากโรงเรียน..
ทำไมเมื่อหนูกลับมาบ้านขึ้นไปหาบนห้องแม่กลับนอนหลับ..
ทำไมแม่ไม่รู้สึกตัว…กับทั้งยังมีเลือดเปื้อนเต็มหน้า…
…………………..
พี่ๆ น้องๆ ชาวหอสมุดฯ หลายๆ คนคงรู้จัก คุ้นเคยกับน้องมนณ์เป็นอย่างดี
เพราะเคยไปใช้บริการที่ร้านทำผมของน้องเค้า ซึ่งอยู่ละแวกใกล้ๆ มหา’ลัย
สำหรับเราเองไม่เคยคุ้น หรือรู้จักน้องเค้ามาก่อน
ได้ยินก็แต่ที่หลายๆ คนพูดถึงชื่อน้องและร้านทำผมของน้องอยู่เป็นประจำ
…………………
เมื่อวานเย็น(02/03/53) น้องเค้ามาหาเจ้าน้อง(พนิดา)
ซึ่งช่วงปิดภาคที่ไม่มี OT แบบนี้พอเลิกงานเย็น
พวกเราก็จะมานั่งๆ ยืนๆ อยู่หน้าอาคารเพื่อรอกลับบ้านพร้อมๆ กัน
พอเราออกประตูมา..เจ้าน้อง ก็แซวอะไรกันสักอย่าง
ซึ่งปกติก็จะแหย่กันเล่นบ่อยๆ เราเห็นน้องมนณ์ยืนอยู่ด้วย
ซึ่งอันที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่าน้องเค้าเป็นใคร
ก็เดาๆ เอาว่า..ไม่ผู้ใช้บริการ..ก็คงเป็นเพื่อนกัน
ก็เลยแซวเจ้าน้องกลับโดยผ่านน้องเค้าไปว่า
“น้องๆ มือว่างไหม ขอยืมหน่อย” ประมาณว่าซักป้าบเจ้าน้องแทนที
น้องเค้าก็ยังหันมายิ้มให้…(แต่วันนี้พี่ไม่ยืมมือแล้วนะ)
………………….
เมื่อเย็น(03/03/53) ประมาณ หกโมงกว่า
หลังกลับจากรับเจ้าคนโตจากมอเกษตร กพส.
ก็ตั้งใจเข้าไปทำธุระที่บ้านเก่าในหมู่บ้านชุมชน นฐ.
เราใช้ถนนเส้นใน คือ ซอยเฟียต เพื่อหลบรถติดไฟแดงที่น่าเบื่อ
พอรถมาถึงแยกร้านเจเจ เราก็หันไปมองทางซ้ายมือ
เอ..แถวๆ ร้าน Net น้องP..ลูกป้าสำเนาของเรา เค้าทำอะไรกัน
คนมุงกันเยอะเชียว เจ้าตัวเล็กบอกว่าไม่ใช่ร้านป้าเนา ร้านก๋วยเตี๋ยวมั๊ง
เราก็ยังว่าคนจะมาทำไมกันเยอะขนาดนั้นร้านก๋วยเตี๋ยว
เจ้านี่ยังเพ้อต่อ..บอกมีช่องอะไร อะไร แต่เราว่าเราไม่เห็นTVนะ
(เสริมข่าว..จริงๆ มีแต่เราไม่เห็น เพราะตอนดึกดูข่าวมีช่อง9 กับ 5 หรือ 7ด้วย)…เจ้าตัวเล็กยังบรรเจิดไม่เลิก…บอกแหมแม่..มันอาจจะมีดารงดารามาถ่ายอะไรเงี้ย..เพ้อไปนั่น…แต่เราสังเกตเห็นว่ามีรถตำรวจ และกู้ภัยหรืออะไรเนี่ย..รถสีขาวๆ เห็นไม่ถนัด แต่จอดอยู่คนละฝั่ง หันไปบอกกับเจ้าตัวเล็กว่าดาราอะไรมีรถตำรวจด้วย เจ้าหล่อนก็ยังไม่เลิกบอกแหม…ตำรวจก็มากันดาราไงแม่..เออ..ว่าไปนั่น
…………………
พอรถข้ามถนนจะเข้าซอยก็จะโทรหาป้าเนาเพราะอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุไทยมุง
แต่ก็ขยักไว้ รอทำธุระเสร็จก่อน พอเสร็จธุระประมาณหกโมงเกือบครึ่ง
ก็เลยลองโทรหาป้าเนาดู เสียงรอสายอยู่พักนึง…เออโล่งไป..ป้าเนารับแล้ว
…………………
หะแรกก็แอบคิดในใจ หรือเด็กๆ ตีกันในร้านใครสักร้านแถวๆ นั้น
ซึ่งเป็นปกติของแถวนี้แต่อาจจะวันไปนิด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเหตุรุนแรง
พอถามป้าเนา..ป้าบอกว่าน้องมนณ์โดยฆ่าตาย เราก็หา!! ตกใจ
เพราะรู้ว่าน้องเค้าสนิทกับคนห้องสมุดหลายคน โดยเฉพาะกับเจ้าน้อง
แต่ตอนที่คุยทีแรกน่ะยังไม่รู้หลอกว่าเป็นคนที่ตัวเองเพิ่งเจอเมื่อวาน
คุยๆ ไปถึงรู้ว่าใช่…ถามความกับป้าเนาสักพักก็วางหูกันไป
คนบนรถ…โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กน่ะสนใจมาก เงี่ยหูฟังตั้งกะเราคุยโทรศัพท์
ก็เล่าให้ฟังกันว่าเกิดอะไรขึ้น
………………….
ที่สำคัญที่จะต้องบอกเจ้าตัวเล็ก..และบอกน้องๆ หลานๆ ชาวไซเบอร์
ก็คือ ประเด็นต้นเหตุของโศกนาฎกรรมครั้งนี้ ที่ชีวิต 1 ชีวิตต้องสิ้นไป
มันเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ…เป็นภัยร้ายจาก Internet
ที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินเรื่องทำนองนี้ แต่อาจเป็นเพราะ “ไกลตัว”
เราเลยอาจจะยังไม่ตระหนักพอ
……………………
กรณีนี้หลายๆ คนค่อนข้างเพ่งเล็งไปที่คนที่น้องเค้ารู้จักทางNet
และชวนกันเข้ามาอยู่ที่ร้าน ซึ่งมีคนเห็นว่าคนนี้ออกจากร้านไปพร้อมกระเป๋า
ตั้งแต่ช่วงก่อนเที่ยงวันและนำรถมอเตอร์ไซค์ของน้องมนณ์ไปด้วย
แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครเอะใจว่าไง
จนเย็นเลิกเรียนไม่มีใครไปรับเจ้าตัวเล็กกลับจากโรงเรียน
คุณครูต้องพามาส่ง เมื่อเจ้าตัวเล็กขึ้นไปบนบ้าน
เห็นแม่ที่ ”นอนหลับ” ตามที่เด็กจะเข้าใจได้
ก็…ขอให้ความไร้เดียงสาของหนู..ลบเลือนความทรงจำ..ภาพติดตานี้เถิด
……………………
เหรียญมี 2 ด้าน ในขาวมีดำ บนความเจริญมีความเสื่อม
ฉันใด ก็ ฉันนั้น บนโลกของสังคมเสมือน ที่ดูเป็นความเจริญ
บางครั้งมันยากที่จะแยกที่จะกรอง ไหนคือเจริญ ไหนคือเสื่อม
คำว่า “วิจารณญาน” บางครั้งก็นำมาตัดสินยากอยู่เหมือนกัน
เพราะเมื่อมีการพูดคุยกัน ทรรศนะ ความเห็น ความชอบ ฯลฯ ตรงกัน
เรียกง่ายๆ ว่าถูกคอ ต้องจริต อะไรอะไรก็ดูจะไม่ยากเย็น
ความคุ้นเคย บางครั้งมีมากจนสนิทชิดเชื้อแม้ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาด้วยซ้ำ
“น่ากลัวมาก” และโลกแบบนี้ มีมากในโลกเสมือนที่เชื่อมโยงทั้งโลกแบบนี้
…………………
อีก 1 ภัย ที่เพิ่งเกิดเมื่อสักไม่กี่วันที่ผ่านมา ใกล้ๆ ตัวทีเดียว
มีเรื่องน่ากลัวที่ได้ยินมา เรื่องคือ
มีน้องๆ นักศึกษานั่งทานอาหารอยู่ จู่ๆ มีรถตู้มาจอดข้างทาง
มีชายฉกรรจ์ลงจากรถเดินเข้าร้านสะดวกซื้อไป
แต่พอกลับออกมาก็ได้มาแวะคุยกับน้องๆ
“เขามาขอเบอร์โทร” แต่น้องไม่ได้ให้ไป และเขาก็จากไป
………….
ยังไม่ทันที่น้องจะขยับกลับที่พัก รถคันเก่าก็มาจอด
เขาลงมาอีก ครั้งนี้ได้เบอร์โทรไป
………….
วันนั้นน้องกลับที่พัก..ปลอดภัย…
แล้ววันต่อไป…แล้วน้องคนต่อไปล่ะ ??
…ใครจะบอกได้ว่านี่จะเป็นแค่การขอเบอร์โทร ที่ชายคนนั้นบอกกับเด็กว่า
“มีผู้ใหญ่” ให้ขอ…
………….
เหตุการณ์วันนั้นเกิดยังไม่มืดค่ำ สถานที่ก็ไม่ได้อยู่ในหลืบซอก
เป็นย่านที่ผู้คนจอแจไม่ไกลตัวทีเดียว
ก็ได้แต่หวังและเอาใจช่วยน้องๆ ให้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ปลอดภัย
ทุกวันนี้ “ภัย” มีหลากแบบ ไม่เลือกที่ ไม่เลือกเวลา เพศ วัย
น่ากลัวจริงๆระวังตัวกันให้มากๆ จ้ะ
แล้วก็อย่าลืมว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้
เหตุทำให้เกิดผล หรือ ผลมาแต่เหตุ สัจธรรมข้อนี้ไม่สามารถแปรเปลี่ยน
ก็ลองทบทวนดูเหตุกันนิดนะคะ ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นเหตุ
ทั้งเหตุที่เรามีส่วน และเหตุที่คนอื่น หรือ สังคมเป็นเหตุ
แต่อย่าลืมว่า “เหตุของสังคม“ ล้วนแล้วแต่มีคนเป็นต้นเหตุ
และก็อย่าลืมคำโบราณที่เตือนสติเราว่า “ปลาข้องเดียวกัน”
เพราะฉะนั้นเรื่องไหนที่ “เสียหาย” แม้แต่เราไม่ทำ แต่คนรอบข้างเราทำ
เราคงต้องใช้กระบวนการทางสังคมช่วยทบทวน “สติ” กันและกัน
ที่แน่ๆ ขนาดช่วงสอบเรายังเห็นร้านรวงละแวกนี้ คราคร่ำไปด้วยผู้คนทุกคืน
แว่วๆ ว่าที่พักบางแห่งถึงกับมีคนที่อยู่อาศัย..ต้องย้ายหนี..กันทีเดียว
2 thoughts on “1 ชีวิตจากไป อุทาหรณ์เตือนใจ…ภัยจาก Internet”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
เมื่อวานเย็น (3ก.พ.) กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน อาหมวยกระแตก็วิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่า แม่ๆๆ พี่จูนโทรมาบอกว่าน้ามนณ์ร้านทำผมตายแล้วถูกแฟนฆ่า ตกกระใจขนลุกซู่ งงๆๆ บอกหมวยแตว่าสงสารน้องสกายนะ๊จะอยู่กลับใคร พอเช้ามาทำงานพวกเราก็คุยกันพอเย็บหนังสือพิมพ์ก็เจอข่าวน้องมนณ์เกือบทุกฉบับ ยิ่งอ่านบล๊อกของหญิงเล็กแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว สงสารน้องสกายมากยังเด็กเกินไป เคยเห็นหน้าแม่ทุกวัน เรียกแม่ทุกวันแล้วต่อไปนี้จะเรียกใครว่าแม่น่าสงสารน้องสกายมากๆๆ ปีที่แล้วมาเข้าค่ายห้องสมุดน้องมนณ์มาส่งยังร้องตามแม่เลย ขอบคุณหญิงเล้กที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการเล่น net ของเด็กๆ จะได้นำไปสอนและดูแลลูกหลาน (น้องจูนกับน้องหมวยกระแตไปแต่งหน้าทำผมร้านน้ามนณ์ประจำเวลาไปรำงานองค์พระฯ น้องมนณ์เขาแต่งหน้าทำผมสวย ฝีมือดี ) ขอให้วิญญานของน้องมนณ์ไปสู่คติสุขนะ๊
“กรรมใด….ใครก่อ…สักวันจะต้องสนอง…ไม่ทางใด…ก็ทางหนึ่ง
บาป-กรรมมีจริง และพี่ก็เชื่อจากประสบการณ์ค่ะว่า…ตามกันทันชาตินี้
หลับให้สบายเถิดน้อง อโหสิกรรม ให้ “ผู้ใดก็ตาม” ที่ทำร้ายน้อง
เพื่อมันจะได้สิ้นเวร-กรรมในชาตินี้ จะได้ไม่ติดค้างกันต่อไปอีก”
………..
สาธุ……………
บาป-กรรมมีจริง…ตามกันทันชาตินี้จริงๆ
………..
จับคนร้ายที่ทำร้ายน้องมนณ์ได้แล้ว
ก็ขอให้ความความยุติธรรมของกฏหมายบ้านเมือง ทรงไว้ซึ่งความศักดิสิทธิ์
เพื่อผู้ที่ก่อกรรมไว้ได้รับผลกรรมที่ทำร้ายผู้อื่น
………..
ชีวิต 1 ชีวิตที่สิ้นไป
มัันไ่ม่ได้หมายความว่าจบเพียง 1 ชีวิตนั้น
ชีวิตของคนที่ยังอยู่…โดยเฉพาะชีวิตน้อยๆ ของน้องสกายที่ยังอยู่ในวัยอนุบาล
ภาระของคนข้างหลัง…ตา..ยาย..ญาติๆ..อีกยาวนาน
………..
แต่..ณ นาทีนี้ การได้ตัวผู้กระทำผิดมาแล้ว
ก็ต้องชื่นชม และขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับการติดตามของทางการที่รวดเร็วมากๆ
สำหรับคดีนี้..เพียงแค่ช่วงข้ามสัปดาห์
………..
สำหรับน้องมนณ์..หากน้องจะรับรู้ด้วยญาณวิถีใดใด
พี่ยังยืนยันคำเดิม….
………..
หลับให้สบายเถิดน้องมนณ์ อโหสิกรรม ให้ “ผู้ที่ทำร้ายน้อง”
เพื่อมันจะได้สิ้นเวร-กรรมในชาตินี้ จะได้ไม่ติดค้างกันต่อไปอีก
………..
เป็นกำลังใจให้ค่ะ…สำหรับครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง
ที่ “ต้อง” ช่วยกันประคับประคองชีวิตน้อยๆ ของน้องสกาย
การที่น้องสกายขาดทั้งพ่อที่ไม่เคยเหลียวมองตั้งแต่เกิด
และแม่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะความคิดน้อยของคนอื่น
ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตน้อยๆ ของน้องสกายจะต้องหมองหม่นตลอดไป
สังคมปัจจุบันเปิดมากกว่าแต่ก่อนมากมาย…
เด็กที่ขาดมากกว่าน้องสกาย..แต่ประสพความสำเร็จด้วยการ “สู้ชีวิต” มีมากมายค่ะ
อย่างน้อยที่สุด “น้องมีครบ 32” ขาดก็แต่กำลังใจ..
ที่คนรอบข้างสามารถช่วยกัน “เติมเต็ม” ได้ไม่ยากถ้าปราถนาค่ะ
สู้..สู้จ้ะ..น้องสกาย