เด็กไทยอ่านหนังสือที่โรงเรียนวัดปทุมทอง…..

หลังงานวันเด็กมีของบริจาคยังพอมีสำหรับที่จะนำไปออกพื้นที่ได้ แต่ต้องเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาท่านพี่ๆ ของเราได้ไปโรงเรียนวัดปทุมทอง กำแพงแสน เนื่องจากผูกพันกันมานานตั้งแต่พี่ๆ ต่างชักชวนกันไปเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จนกลายเป็นประเพณีไปแล้วว่าตั้งไปที่นี่ในช่วงเวลานี้
โรงเรียนนี้ถือเป็นโรงเรียนในโครงการพัฒนาหนึ่งโรงเรียน หนึ่งการเรียนรู้  และถือว่าอยู่ในกิจกรรมห้องสมุดสัญจร เรียกว่าไปครั้งเดียวได้หลายอย่าง
ส่วนตัวแล้วฉงนสนเท่ห์กับการทำงานของพวกเรามาก เพราะพวกเราสามารถทำและทำงาน ขณะที่ยังไม่จบงานนี้ ก็คิดงานต่อไปๆ ได้อย่างไม่หยุดหย่อน จึงถือว่าโชคดีที่มาอยู่ในองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานที่เข้มแข็ง
งานวันเด็กวันเสาร์ต่อด้วยงาน Book Fair วันจันทร์ ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งไปเก็บงานวันที่ 18 อีกกลุ่มทำงานประจำ และอีกกลุ่มก็ต้องเตรียมไปกิจกรรมห้องสมุดสัญจรในวันจันทร์ที่ 25 กำหนดว่าใครจะไปและคนที่ไปทำอะไรบ้าง หมุนเวียนกันไปเพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ตรง ที่สำคัญคือจะได้เข้าใจและทำงานแบบนี้เป็นกันทุกคน …สร้างที่ยืน…ให้กับตนเองอย่างมั่นคง
9 ชีวิต จึงต้องจรลีออกจากหน้าห้องสมุดตอนแปดโมงครึ่ง หน้าที่ของตัวเออคือต้งไปอ่านหนังสือให้เด็ก ซึ่งมักจะเป็นเรื่องเก่าๆ ของเรา แต่ใหม่สำหรับเด็ก
แต่เราจะทำตัวเองให้เคยชินไม่ได้ ทุกเรื่องที่อ่านจะต้องสด ไม่เซ็ง และต้องตืื่นเต้นกับเรื่องราวไปพร้อมๆ กับเด็กทุกคน
ช่วงเวลาที่พวกเรากำหนดให้เด็กอ่านหนังสือ  เด็กที่นี่อ่านแบบจริงจัง เด็กเล็กยังอ่านไม่ออกจึงบอกให้พี่ช่วยอ่านให้ฟัง ภาพที่เห็นคือหนังสือหนึ่งเล่มจะมีพี่และน้องปพปนกัน
เสียงอ่านหนังสือแบบหึ่งๆๆๆๆๆๆๆ จึงเกิดขึ้น นับเป็นเสียงแบบที่บรรณาัรักษ์จากอินโดนีเซีย ซึ่งได้มีโอกาสแสดงความคิดพูดคุุยกันผ่านโลกของออนไลน์  ในประเด็นเื่รื่องการใช้เสียงในห้องสมุด วงสนทนานั้นมีทั้งอินโดนีเซีย อินเดียและไทย ไว้จะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป เสียงแบบนี้บรรณารักษ์หนุ่มน้อยเรียกว่า education voices ฟังดูดี เพราะบางทีเสียงในห้องสมุดที่ว่าดังๆ มันเป็นแบบนี้หรือปล่าว  เก็บไว้ๆ ในสมอง เพื่อใช้งานต่อไป
การต้องใช้พลังในการสื่อสารที่มีทั้งพูด เล่น เต้นระบำกับเด็กในครึ่งเช้าทำให้เหนือ่ยอ่อนไม่น้อย ส่วนครึ่งบ่ายเป็นของพี่ๆ น้องๆ ที่จัดเกมส์และกิจกรรมเสริมการเรียรรู้ต่างๆ ช่วงนี้ไม่มีความชำนาญจึงเป็นฝ่ายนั่งดู…………จนอยากจะหลับไปกับเด็กอนุบาล
ไว้ให้พี่ๆน้องๆ แต่ละคนมาเล่าให้ฟังแล้วกันว่าทำอะไรกันบ้าง
หนังสือที่อ่านมี 4 เรื่องคือ ….อีเล้งเค้งโค้ง ตอนปลูกดอกไม้ กูจีกูจี เจ้าหมูหูหาย และพระจันทร์อยากมีเพื่อน ……….. ไม่อยากจะคุยหรอกว่า แต่ละเล่่มอ่านให้เด็กฟังแล้ว…. เด็กอ้าปากค้าง หัวเราะก๊าก ยิ้ม โห้ ตามด้วยหุหุ ฮิฮิ ไม่มีงุงิ ….นะจ๊ะจะบอกให้

pathom1

ขอบคุณพ่อยกแม่ยก (ของ) ที่ไม่ได้มาด้วย ขอบคุณเจ้าภาพทุกๆ ท่านที่ส่งของมาให้พวกเราเป็นสื่อกลางไปให้กับเด็ก
มีเด็กๆมากมายรอบตัวเรา ที่ยังต้องการความช่วยเหลือ เราแค่สร้างโอกาสพวกเขา พร้อมๆ กับให้การโอกาสตัวเองในการสั่งสมประสบการณ์
ใครนะช่างว่าไทยไทยไม่อ่านหนังสือ  อ่านจ้าาาา… แต่ไม่มีหนังสือให้อ่านตะหาก โธ่…หนังสือแต่ละเล่มถูกซะเมื่อไร ลำพังทำงานหาเงินซื้อข้าวปลาอาหารยังแทบแย่ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อหนังสือให้ลูกอ่าน พอไม่อ่านตั้แต่เป็นเด็กน้อย พอเป็นเด็กใหญ่จะให้อ่านคงเป็นเรื่องยาก แถมแสงสีของร้านเกมส์ก็ใช่ย่อย
ส่วนห้องสมุดโรงเรียนคงต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า ห้องสมุดเด็กในโรงเรียน จะได้เข้าใจเด็ก ว่าเด็กวัยไหนอ่านอะไร ฯลฯ เอาไว้แค่นี้ก่อนเพราะเป็นคนละเรื่อง
ส่วนท่านไหนพูดอีกว่าเด็กไทยไม่อ่านหนังสือ จะเขียนจดหมายไปขอตังส์มาทำห้องสมุดเคลื่อนที่ 555 ทำจริงนะ เพราะเรื่องบ้าๆ แบบนี้ พี่น้องๆ บอกว่าของชอบของอิชั้น
pathom2

One thought on “เด็กไทยอ่านหนังสือที่โรงเรียนวัดปทุมทอง…..

  • เพื่อนร่วมทีม มือกิจกรรม มือประดิษฐ์ ช่วยกันคิดล่วงหน้าแล้วว่า เราจะแบ่งเด็กออกเป็น เด็กอนุบาล กับเด็กประุถม เพื่อจะได้จัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับกำลังของเด็ก ตกลงกันได้ว่าจะ ทำกังหัน (งานนี้พี่มนตรีรับไป เตรียมตัดกระดาษ ทำตัวอย่าง เตรียมอุปกรณ์ของตัวเอง) พวงมโหตร (งานนี้พี่ดวงรับไปเตรียมกระดาษ ตั้งแต่ตัด พับ และสอน เตรียมอุปกรณ์) พี่เก ชิต ชัย รับผิดชอบ เตรียมเกมส์ และของแจกสำหรับการเล่มเกมส์ของเด็กประถม แต่ก่อนจะถึงตรงนี้ ได้พี่ติ๋วช่วยจัดหา เตรียมของให้ครบถ้วน
    ถึงเวลาเล่น..เอาจริง เด็กอนุบาลอยากเล่นแบบพี่ๆ พี่ๆ อยากได้แบบเด็กเล็ก จัดให้ เพราะเด็กๆ เล่นด้วย เราจึงสนุกจนไม่คิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของงาน
    ที่ขาดไม่ได้คือ ต้องขอบคุณ เ่จ้าภาพที่นำของมาช่วยบริจาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุ๊กตาทั้งหลาย ทีรับรองได้เลยว่า ถ้าเจ้าของ ได้มาเห็นความดีใจ ของเด็กๆ ที่ได้เป็นเจ้าของตุ๊กตามือสองของเรา แล้วจะยิ้มได้อัตโนมัติ หัวใจจะเกิดอาการคับอกขึ้นมาทันที ดีไม่ดี คราวหน้า อาจหามือหนึ่งมาเพิ่มให้อีกก็ได้..ขอบคุณน้องพนิดา ที่ช่วยซักซะหอม และสวยปิ๊ง
    งานนี้ยังขาดไปหนึ่งกิจกรรม คือ ไม่ได้ไปเลี้ยงปลาในบ่อของวัด เพราะเราเลิกเล่นกันตอนเกือบเย็นแล้ว จึงต้องกลับ คราวหน้าจะซื้ออาหารปลาไปให้ด้วย

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร