หนีงานไปหาประสบการณ์
😈 วันที่ 15-16 ก.ค.52 ผมได้ไปเป็นผู้ช่วยวิทยากร ที่โรงเรียนวัดท่าเสา ในการอบรมเรื่องการส่งเสริมการอ่าน ซึ่งวิทยากรท่านนั้น คือ อ.ปรีดา ปัญญาจันทร์ พิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 9.00น.โดยประมาณ พอขบวนเราจากหอสมุดฯไปถึงก็เป็นหน้าที่ของพี่พัชรี(ต่อจากนี้ผมจะเรียกสั้้นสั้นว่า พี่พัช)ในการบรรยายเรื่องการสืบค้นฐานข้อมูลและการเขียนรายการอ้่างอิง มีอยู่ตอนหนึ่งขณะที่พี่พัชได้พูดถึงเรื่องของ นาม-ปี อ.ปรีดา ได้ถามข้อสงสัยกับผมว่า นามปี เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็ไม่รู้และให้คำตอบไม่ได้ อ.ปรีดา เลยหันไปถามพี่อ้อ(เอกอนงค์)และคงจะได้คำตอบ.. พอพี่พัชบรรยายเสร็จผมก็เอาคำถามที่ค้างคาใจผมเกี่ยวกับคำว่า นามปี ไปถามต่อว่ามันคืออะไร จนได้คำตอบช่วยแก้ความสงสัยว่า 🙄 นามปี คือ ชื่อผู้แต่งและปีพ.ศ.ที่พิมพ์ (ซึ่งหากแปลตามตัวก็จะได้ความหมายที่ตรงๆว่า นาม ก็คือการใช้ชื่อสำหรับเรียกเพื่อแสดงความเป็นตัวตนของผู้เขียน และปี ก็คือปีพ.ศ.ของผลงานที่เผยแพร่) ทำให้ผมมีความรู้มากขึ้นและสามา่รถตอบคำถามคนอื่นที่จะมาถามผมได้(ผมรอตอบอยู่นะ) หลังจากพี่พัชบรรยายเสร็จก็ถึงคิวของอ.ปรีดา ที่มาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมอบรมเกี่ยวกับการทำสมุดนิทาน การใช้จินตนาการ การเล่านิทาน ส่วนเราชาวหอสมุดฯที่ไปร่วมขบวนก็จะมีหน้าที่แจกอุปกรณ์ เช่น กระดาษ กรรไกร สี กาว จากการสังเกตผมรู้สึกว่า ผู้ที่มาอบรมจะสนใจมาก เพราะทุกอย่างที่อ.ปรีดา สอนมีความตื่นเต้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการพับกระดาษการวาดรูปง่ายๆจากวงกลม สามเหลี่ยม ก็สามารถนำมาทำเป็นสมุดนิทานได้
♦ และจากการไปร่วมขบวนอบรมนอกสถานที่ในครั้งนี้ ผมได้รับความรู้มาก เพราะอ.ปรีดา จะเรียกผมให้ช่วยเป็นลูกมือตลอด ซึ่งผมชอบมาก สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าอ.ปรีดา ปัญญาจันทร์ เป็นบุคคลที่ผมชื่นชอบมากมากครับ
มาดูประวัติโดยคร่าวๆของ ไอดอลในดวงใจผม กันครับ ;-)
♦ อ.ปรีดา ปัญญาจันทร์ เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2500 ที่จังหวัดหนองคาย เริ่มเรียนวิชา ศิลปะที่มศว.ประสานมิตรและก็ทำงานวาดภาพประกอบหนังสือเด็กไปด้วย หลังจากที่ท่านเรียนจบจากมศว.แล้วก็ไปประกอบอาชีพวาดภาพและแต่งนิทาน ตามที่ได้เรียนมา ต่อมาพอไปเป็นครูสอนเด็กอนุบาลก็เป็นครูเล่านิทานเด็กไปด้วย จนมาถึงปัจจุบันที่ท่านเป็นทั้งคนวาด (เช่นภาพประกอบนิทานเรื่อง กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อกกระแด๊ก) คนแต่งและคนเล่านิทานสำหรับเด็กไปพร้อมๆกัน ผมคิดว่าท่านคงชอบอะไรๆที่เกี่ยวกับนิทานมากมากครับเพราะท่านทำออกมาด้วยใจ…. 🙂 😆
2 thoughts on “หนีงานไปหาประสบการณ์”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ในฐานะผู้สังเกตการณ์ขอแจ้งให้ทุกท่านว่า อาจารย์ปรีดาเรียก “ชัย” “ชัย” “ชัย”…. ตลอดเวลา พี่เกแซวว่าอาจารย์สงสัยรู้จัก “ชัย” คนเดียว แต่เราว่าไม่น่าใช่ใช่ เพราะอาจารย์บอกว่าน้องชัยน่าร้ากกกกกกกก….
การทำงานนอกสถานที่ดูเหมือนว่”สบาย” แต่จริงๆ แล้วพวกเราต้องพบอะไรมากมายที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างคำถาม หรือวิธีการตอบ
สองวันที่ผ่านมาน้องชัยจะเดินๆๆๆๆๆๆๆ ให้บริการผู้เข้าอบรมตลอดเวลา คนไหนทำไม่ได้ก็ต้องเข้าไปช่วยและต้องทำให้ได้เพราะคุณครูคาดหวัง ดังนั้นระหว่างที่ครูปรีดาสอนน้องชัยก็ต้องดู ระหว่่างทำของตัวเองก็ต้องดูและเข้าไปช่วยผู้เข้าอบรมที่มีตั้ง 60 คน ส่วนพวกพี่ทั้งหลายนั่งกันเฉย เพราะพวกเราพร้อมใจกันบอกว่า ชัย ชัย ชัย และชัย นัยว่าตอนนี้พระเจ้ากำลังลงโทษ ส่วนงานนี้ปลอบใจด้วยการพาไปตลาดบางหลวงอย่างกระหืดกระหอบเพราะมีนัดสำมะคัญที่นั่นเลยพร้อมใจกันขอลาโต๊ะจีนที่เตรียมไว้ให้ ไปหาก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งชาม กาแฟร้านพ่อไอ้ปานคนละ 1 แก้ว ส่วนสะเต๊ะกับชุนเปี๊ยะใครไวใครรับประทาน สำหรับยาหม่องใครซื้อใครก็จ่าย สุดท้ายอาจารย์ปรีดาต้องโทรตามบอกว่ากลับได้แล้วคร๊าบ
เรียนจบน่าจะไปเป็นครูอนุบาลนะ ส่วนตอนนี้กำลังหมกมุ่นกับอีเล้งเค้งโค้ง สำหรับวันที่ 6 สิงหานี้จ๊ะ วันนี้ช่วงเช้าไฟดับแต่น้องพี่ก็ยังทำงาน เดินหาของท่อมๆอยู่ เพื่อไปสร้างฉาก เราเห็นด้วยแหละตัวเอง
ว่าแล้วหายไปไหนบ่อย ไปหาประสบการณ์นี่เอง 55555+++
แล้วอิเล้งเค้งโค้งไปหาประสบการณ์เล่นเป็นอ่ะไรอ่ะ