KM กับ 302
Blog อยู่ในลำดับที่ 302 น้องเอ๋คุยเล่นๆ ว่า จะจองที่สามร้อย แต่ก็ไม่ทันแซวกัน ตอนที่โพสต์ขึ้นไป อ้าวเพิ่งเห็น… สัปดาห์ที่แล้วกับวันแรกของสัปดาห์นี้ ทำไมงานถึงได้รุมประดังประเดกันเข้ามาก็ไม่ทราบ หัวหมุนไปหมด การเขียน blog ตัวเองถือเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งในยามว่าง และแก้เครียด (อันนี้ได้มาจากพี่พัช)
สามร้อยบล๊อกเป็นของข้าพเจ้าซะ 81 ของหนูอ้อ-เอกอนงค์ 65 พี่เกศินี 17 น้องเกียรติ 15 พี่พัชรี น้องเอ๋ -จันทร์เพ็ญ และน้องหยี -ธิดารัตน์ 13 อันนี้ยังไม่นับดร๊าฟที่ส่งขึ้นมากับที่เขียนซุกใน word และตามด้วยของเพื่อนพ้องน้องพี่อื่นๆ มากมายคนละนุ๊บ ละนั๊บ ไม่ทำให้ blog เหงาจนเกินไป
มีคนถามว่าใช้เวลาตอนไหนเขียน และใช้เวลาที่ไหนอ่าน บอกว่าใช้เวลาว่างเช่นตอนเช้า ตอนเย็น ตอนกลางคืน หากไม่มีคอมพิวเตอร์ทำไง ก็บอกว่าคิดเอาไว้ก่อน พอมีเครื่องก็ลงมือพิมพ์
ส่วนรูปเป็นของแถมเพราะชอบพกกล้องติดกระเป๋าเจออะไรน่าสนใจ หรือไม่น่าสนใจ ก็ขอถ่ายสักแชะสองแชะไว้ก่อน แต่สาเหตุใหญ่ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนคือเคยเห็นรถที่ประสบอุบัติเหตุ คู่กรณีเป็นฝ่ายชายถ่ายรูปทุกซอกทุกมุม ส่วนอีกฝ่ายเป็นหญิงยืนแบ๊วอยู่ ส่วนตัวเองคิดว่าเราเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นการถ่ายรูปก็น่าจะเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง จึงถือปฏิบัติตามความคิดของตนเอง
แล้วก็มีคนถามอีกว่าเขียนเรื่องอะไรล่ะ ก็บอกว่าเขียนเล่าเรื่องที่พบ ที่คิด ที่มีคนถาม คนที่บ้านก็ถามไม่เหมือนคนที่ทำงาน ในที่ทำงานวันๆ หนึ่ง แม้จะมีเรื่องที่พบ ที่คิด มีคำถาม หรือหาคำตอบ ที่อาจซ้ำกัน แต่มุมมองที่คิดจะต่างกัน มันจะงอกเงยไม่ว่าบวกหรือลบ ซึ่งสิ่งที่งอกเงยนี้ตัวเองจะเรียกว่า ประสบการณ์ หรือเป็นความรู้ใหม่ของเราที่ฝังอยู่ในตัว เขาจึงสร้างเครื่องมือประเภทนี้ขึ้นมาให้เราได้เล่าเรื่อง แบ่งปันประสบการณ์ให้กันและกัน
เรามีความสุขมากที่หาอะไรใน google ก็ได้ไปโหม้ด จนวันหนึ่งมีคนถามว่าหากใน google มีแต่คนอ่าน แล้วไม่มีคนสร้างเนื้อหาขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ได้แต่หัวเราะตอบไป
มีคนถามว่าจะใช้ Blog เป็นสรณะ ที่แปลว่า ที่พึ่ง ไหม? บอกว่าไม่ เพราะยังไง blog ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ใช้เป็นสรณะ ในความหมายที่แปลว่า ที่ระลึก มากกว่า ระลึกถึง หรือนึกถึง หรือคิดถึง ว่าเอ๊….เรื่องแบบนี้พวกเราเคยมีการบันทึกไว้ น่าจะได้กลับมาอ่าน หรือกลับมาดูได้อีกหลายๆ ครั้ง แม้จะถามได้เพราะยังอยู่ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน แต่คำตอบอาจสิจะเหมือนเดิมหรือ เป็นเรื่องที่ชวนคิดเช่นกัน
ครั้งนั้นเขาทำแบบนั้นกันนี่เอง แต่ครั้งนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ด้วยเหตุผลมากมาย แต่เอ… เราก็น่าจะบันทึกขั้นมาใหม่นะ ความรู้จึงจะต่อยอดขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วงนี้มีหลักสูตรมากมายที่เชิญชวนให้เข้าอบรม สัมมนา ฟังบรรยาย ในเรื่องของการจัดการความรู้กับการใช้เทคโนโลยี การสร้างเครือข่ายทางสังคม ที่มีทั้งฟรีและเสียเงิน และทุกเรื่องมักอยู่ในเมืองกรุง
คนบ้านนอกชายขอบอย่างเรา มักน้อยใจว่ากรุงเทพฯ คือเมืองไทย ดูอย่างรายการถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กประถม เด็กกรุงไหงรู้แยะขนาดนั้น ไหนบอกว่าหลักสูตรเดียวกัน แต่ทำไมลูกนอ้ยกลอยใจเรามิได้เรื่องเรยยย… เมื่อตอนกลางวันเราคุยกันเรื่องไข้หวัด 2009 น้องอ้อเล่าว่าพี่ดวงพาลูกไปโรงพยาบาล แต่ไม่มีการแจกผ้าปิดจมูก แต่เราบอกว่าแปลกเนอะ ในคอนเสริ์ตบัตรราคาแพงกลับมีคนไปแจกให้ จึงสรุปกันว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จงไปซื้อเจลล้างมือให้ทั้งลูกและตนเองมาใช้ จงไปซื้อผ้าแมสมาเตรียมไว้เวลาต้องออกไปไหนๆ ในที่ชุมชน
เอ… แล้วมันมีเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรหว่า ไปล่ะเด๋วมีคนยิงระยะเผาขน
4 thoughts on “KM กับ 302”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
วันก่อนใส่แมส หนอยพวกเราดันถามว่า ป้าแมวเป็นหวัดหรือ เวรกรรม ก็เลยกระมิดกระเมี้ยนใส่มั่ง เอาออกมั่ง ใส่เข้าถอดออกอยู่นั่นแหละ
มีข่าวเรื่อง เจลจากไมตรีว่า เด็กนักเรียนในกรุงเทพ ป้าแมวจำชื่อโรงเรียนไม่ได้ ชั้น ป6 จำนวน 3 คน สามารถผลิตเจลล้างมือ คุณภาพดีกว่า ที่ขาย ราคาถูกกว่า 100 บาท ขนาด 300 cc เด็กทำได้โดยได้สูตรมาจาก อินเทอร์เน็ตเมืองนอก เห็นไหม องค์ความรู้ ที่เขาถ่ายทอด และแบ่งปัน บน net
ป้าแมว หนูจำได้ค่ะ โรงเรียนราชวินิต นักเรียนเขาคิดนำพวกสมุนไพร เช่น เปลือกมังคุด และใบอะไรสักอย่าง (ใบสะระแหน่ หรือใบกระเพราะ หรือใบโหระพา 3 อย่างนี้ จำไม่ได้ค่ะ) น้องไม้ค์บอกว่าใช่ต้นทุนแค่ 6 บาท ไม่รวมค่าขวดนะคะ พอได้ยินจากน้องไม้ค์บอก หนูก็รีบไปเปิดเว็ปไซด์เกี่ยวกับโรงเรียนราชวินิต การทำเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรค แต่ยังไม่พบเลยค่ะ) อยากจะรู้วิธีการทำโดยใช้สมุนไพรมาเป็นส่วนผสม แต่ที่เป็นเจลธรรมดา ไม่มีส่วนของผสมของสมุนไพร ค้นพบแล้วค่ะจากข้อมูลใน เว็บไซด์ จะมีขั้นตอนและวิธีการผสมเหมือนกัน ๆ ต้องใช้แอลกอฮอล 95 เปอร์เซนต์ ส่วนผสมอื่น ๆ ตามสัดส่วนที่กำหนด
เอ้า หนูช่วยพี่ตาหาให้แล้วกันนะ
http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=6&d=38644
ทีมนักเรียนวิทยาศาสตร์ชั้น ป.6 สามคน ของโรงเรียนราชวินิต คิดทำ “เจลสมุนไพรล้างมือ พิชิตโรค”
โดยนำสารสกัดจากสมุนไพรพื้นบ้าน 3 ชนิดได้แก่ มังคุด มะกรูด และยูคาลิปตัส
ผสมกับแอลกอฮอล์ ไตรโคซาน และคาร์โบปอลมาคนให้เข้ากัน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะจับตัวเป็นเจล
ผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการของวชิรพยาบาล พบว่า เจลล้างมือสูตรยูคาลิปตัส มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียได้ดีที่สุด