ประโยชน์ที่ได้รับ: คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี
เมื่อวันอังคารที่ 28 เมษายน 2558 เวลา 9.00-11.00 น. หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ได้จัดกิจกรรมการจัดการความรู้เรื่อง “คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี” ขึ้น ประโยชน์ที่ได้รับประการแรกที่เห็นก็คือทำให้พี่แมวดีใจและรู้สึกว่าได้รับเกียรติอย่างยิ่งที่หอสมุดฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พี่แมวได้ทำงานมาเป็นเวลานานกว่า 34 ปีนั้นรู้ถึงคุณค่าในตัวของท่าน (การที่ผู้อื่นรู้ถึงคุณค่าเขาคนผู้นั้นย่อมปลื้มปริ่มใจ)และพี่แมวยิ่งรู้สึกดีใจมากที่เห็นน้อง ๆ จากหลายหน่วยงานทั้งภายในสำนักหอสมุดกลาง ภายในมหาวิทยาลัย และภายนอกมหาวิทยาลัยให้ความสนใจและมารับฟังแนวคิดการบริหารจัดการของท่านที่ประสบผลสำเร็จสูงสุดในชีวิตราชการโดยมีจำนวนมากกว่าที่คิด ซึ่งหากแฟนคลับพี่แมวอีกส่วนหนึ่งไม่ติดภารกิจ ห้องประชุมชั้นล่างอาคารหอสมุดฯ คงไม่พอ
ก่อนที่พี่แมวจะมาพูด ดิฉันบอกพี่แมวว่าไม่เอาแล้วนะแบบ “อยากบอก อยากเล่า อยากเมาท์” ขอให้เอาองค์ความรู้การบริหารจัดการที่พี่แมวประสบความสำเร็จในชีวิตออกมาพูดให้น้อง ๆ ฟัง ซึ่งพี่แมวก็รับว่าจัดให้ตามขอ ลองดูสรุปความจากการบรรยายและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ว่าประโยชน์นั้นมีอะไรบ้าง
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวน 73 ราย เป็นบุคลากรจากหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยศิลปากร 69 ราย จาก 13 หน่วยงาน ได้แก่ หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักงานเลขานุการ หอจดหมายเหตุ สถาบันวิจัยและพัฒนา คณะอักษรศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ศูนย์คอมพิวเตอร์ กองบริการการการศึกษา กองงานวิทยาเขต กองกิจการนักศึกษา งานการเจ้าหน้าที่ กองบริการอาคารสถานที่ โรงเรียนสาธิต บุคลากรภายนอกมหาวิทยาลัยศิลปากร 4 ราย จาก 2 หน่วยงาน กับไม่สังกัด 1 หน่วยงาน ได้แก่ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และโรงเรียนอนุบาลสุธีธร
หัวข้อ “คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี” ฟังดูแล้วคิดได้หลากหลาย เช่น น่าสนใจว่าคิดอะไร อย่างไร พี่แมวบอกว่าทำให้นึกถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยท่านหนึ่งซึ่งถามว่าการบริหารงานห้องสมุดใช้รูปแบบหรือทฤษฎีของใคร ตอบว่าไม่ได้ใช้ทฤษฎีของใครแต่เคยเรียนวิชาการบริหารงานห้องสมุด 1 คอร์สในระดับปริญญาตรี คิดเองว่าเป็นทฤษฎีและรูปแบบของตัวเอง
เมื่อคิดเรื่องการบริหารงานห้องสมุด คิดเรื่องคน มุ่งเน้นบริหารคนเป็นอันดับแรก คิดแบบที่ว่า “บริหารงานผ่านบริหารคน” คิดว่าถ้าคนเก่งดี มีคุณภาพ หน่วยงาน/องค์กรเจริญก้าวหน้าแน่นอน ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีเช่น มาทำงานแต่เช้า เซ็นชื่อทำงานตามเวลาที่มาปฏิบัติงาน คิดว่าจะต้องทำอย่างไรกับคนที่อยู่ร่วมงานให้ไปด้วยกันได้อย่างดีและอย่างยั่งยืน
การคิด สมองคิดตลอดเวลาทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องงาน บริบทรอบข้าง แต่คิดเรื่องงานมากกว่าเรื่องครอบครัว คิดอะไรได้จดลงกระดาษ/สมุดทันที
ช่วงปี พ.ศ.2530-2535 ทำงานตามภาระงาน (Job Description = JD) ทำเฉพาะในที่ทำงาน ทำงานเต็มที่วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 8.30-12.00 น. กับ 13.00-16.30 น. (พักเวลา 12.00-13.00 น.) และทำงานวันที่ต้องอยู่เวรล่วงเวลาตามตารางเวร คิดเรื่องที่ทำงานแค่ว่า “อยู่ที่ทำงานต้องทำงานอย่างไร ทำตัวอย่างไรจึงจะอยู่จนเกษียณอายุราชการ และจะทำอย่างไรให้คนรอบข้างเพื่อนพ้องน้องพี่อยู่ได้อย่างยั่งยืน คิดตั้งใจทำงานคิดดีทำดี
และคิดว่าทำงานด้วยหน้าที่กับทำงานด้วยใจผลลัพธ์แตกต่างกัน
ปี พ.ศ.2540 มีการเลือกตั้งหัวหน้าหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์โดยข้าราชการที่มาทำงานในวันนั้นจำนวน 25 คน เลือกตั้งโดยไม่มีใครรู้ตัว พี่แมวได้ 10 คะแนน รองลงมา 7, 5, 2, 1 คะแนนตามลำดับ จึงได้เรียกประชุมและประกาศว่าการบริหารงานไม่สนใจว่าสมัย/วาระต่อไปใครจะเลือกหรือไม่ขอให้ทำตามข้อปฏิบัติข้อตกลงและนโยบาย มีปัญหาหรือทำงานที่มอบหมายไม่ได้ให้มาบอก ต้องการเสนอข้อตกลงอะไรว่ามา
ข้อปฏิบัติ/ข้อตกลง นโยบายง่าย ๆ คือให้ทุกคนทำงานอย่างตั้งใจ มุ่งมั่น ทุ่มเท ไม่เอาเปรียบหลวง ไม่คอรัปชั่นเวลา ให้เขียนบันทึกรายงานการปฏิบัติงานประจำวันทุกวันเพื่อประโยชน์ตัวเอง ทำงานอะไรเขียนไว้จดไว้เตรียมงานไว้พร้อมที่จะดึงมาใช้ ทำตัวเหมือนโดเรม่อน ต้องการอะไรดึงออกมาใช้ประโยชน์ได้หมด
การบริหารงานบุคคลของหอสมุดฯ เวลาจะออกจากหอสมุดไปไหน ยกเว้นเวลาพักรับประทานอาหารกลางวันต้องขออนุญาตหัวหน้าฝ่าย/งานและให้กรอกลงในแบบกรอกฯ ที่กำหนดให้ คิดเหตุผลแสดงว่าผู้บังคับบัญชาต้องรับทราบแล้วว่าผู้ใต้บังคับบัญชาไปที่ใดกรณีเกิดอะไรหรืออุบัติเหตุขึ้นยังบรรเทาเบาบางได้ว่าไม่ได้หนีราชการ
คิดเรื่องการบริหารงานหอสมุด อยู่ที่หัวหน้าหอสมุดฯ และทีมงานบริหารเรียกว่าทำงานเป็นทีม ได้แก่ หัวหน้าฝ่าย/งานที่ถูกต้องตามราชกิจจานุเบกษา หัวหน้างานที่ตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบงานเฉพาะด้าน (ตั้งภายใน) /ผู้ช่วยหัวหน้างานฝ่ายบริการด้านบุคคล ไอที บริการ ทีมงานต่าง ๆ อีกหลายทีม ทำงานกันหนักมาก พี่แมวให้ความชื่นชมลูกน้อง ยกย่องให้เกียรติ ซึ่งแต่ละคนก็ได้รับรางวัล ขวัญกำลังใจกันถ้วนหน้าทั้งเลื่อนตำแหน่ง เปลี่ยนตำแหน่ง เลื่อนขั้นเงินเดือน ได้ลาศึกษาต่อ ได้ไปดูงานทั้งในและต่างประเทศ
คิดนำศักยภาพของคนทุกคน (ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่มีตำแหน่งนักการฯ) มาช่วยกันทำงานตามที่เขาถนัด โดยพี่แมวทำตัวเป็นคุณประสงค์ คุณอำนวย คุณเอื้อ คุณกิจ เพื่อให้งานสำเร็จ
คิดและกำหนดข้อปฏิบัติไว้ว่า งาน 1 งานต้องมีคนรู้เรื่องอย่างน้อย 2 คน เพื่อทำแทนกันได้หากคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ไปราชการ/ลา
คิดการบริหารโดยใช้หลักรัฐศาสตร์ หลักเมตตาธรรม /หลักคุณธรรม อะไรที่เป็นคุณให้ไปเลย อะไรที่เป็นโทษทำให้เบาบางลง จึงมีคำพูดที่ว่า “เห็นแก่ผ้าเหลืองเถอะ” ไม่กลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นต้องจริงใจ มุ่งมั่น ตั้งใจ ยุติธรรม เสมอต้นเสมอปลาย ใครที่คิดร้ายก็จะพ่ายย้อนกรรมไปเอง
คิดแง่การบริหารจัดการเป็นแบบไทย ๆ แบบไม่เป็นทางการ อยู่ทำงานร่วมกันแบบพี่แบบน้อง จนบางครั้ง/หลายครั้งคิดว่าตนเองเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในหอสมุดกันแน่แต่เพื่อผลสัมฤทธิ์ของงานก็ยอมทน
คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี คือ คิดเรื่องคนมุ่งเน้นบริหารคนเป็นอันดับแรกแบ่งเป็นแต่ละด้าน ดังนี้
คิดเกี่ยวกับตัวบุคคล
1.คิดว่าคนทุกคน มีพื้นฐานทางด้านจิตใจแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องรู้นิสัยใจคอของคนแต่ละคน สำคัญที่สุดนิสัยใจคอของตนเองเพื่อปรับและจูนเข้าหากันให้สังคมการอยู่ร่วมกันมีความราบรื่น มีความสุข
2.คิดว่าคนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แตกต่างกันที่ตำแหน่ง ฐานะความเป็นอยู่ที่แต่ละคนสร้างขึ้นเพื่อยกระดับตนเอง
3.คิดว่าคนทุกคนมีความสามารถ/เก่ง แต่จะมีมากหรือน้อยอยู่ที่ตัวเขาเองและต้องดึง/นำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์โดยคนที่เป็นหัวหน้า/ตนเอง
4.คิดว่าคนทุกคนมีความอยากแต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจิตใจของแต่ละคน อยากก้าวหน้า อยากร่ำรวย แต่ความก้าวหน้าต้องไม่เหยียบคนอื่นขึ้นไป ยิ่งคนที่เรียนไต่ระดับพร้อมไปกับการทำงานต้องนึกถึงอกเขาอกเรา
5.คิดว่าคนทุกคนมีความหวงแหนในสิ่งที่เป็นของตนหรือมีอยู่แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคนนั้นและบริบทรอบข้าง เช่น บางคนคิดว่าความรู้ที่มีค่าในตัวถ้าให้ไปแล้วไม่เห็นความสำคัญของเรา เขาเอาไปทำเอง/ต่อยอดได้ เป็นต้น ซึ่งตัววิทยากรเห็นว่าให้ไปแล้วจะเอาไปทำประโยชน์หรือเอาไปต่อยอดอะไรอย่างไรเอาไปเถอะ
6.คิดว่าคนทุกคน มีความคิดไม่เท่ากันแค่คิดให้ก็ต่างกันแล้ว คนเป็นหัวหน้า/ลูกน้อง เกือบทุกครั้งคิดเรื่องเดียวกันก็ต่างกัน คนเป็นหัวหน้าต้องคิดให้มาก ลึก อย่างรอบคอบและต้องคิดยาว
7.คิดว่าคนทุกคน มีความจริงใจแตกต่างกัน (รู้หน้าไม่รู้ใจ) ต่อหน้าดูเหมือนจริงใจดูดีมาก
8.คิดว่าคนทุกคน มีความรู้กาลเทศะต่างกันทั้งการทักทาย ความอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ใหญ่กว่า เพื่อนร่วมงาน เด็กกว่า สำคัญยิ่งคือ การไหว้ ผู้รับมีความรู้สึกดี ไหว้ตำแหน่ง ไหว้คน
9.คิดว่าคนทุกคน มีความเข้าใจในคนอื่นต่างกัน ต้องเข้าใจยุคปัจจุบันมีคนรุ่น/วัย (generation) หลากหลายแต่ละ gen. เป็นอย่างไร
10.คิดว่าคนทุกคน มีความสามารถในการเรียนรู้มากกว่าสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น ฝึก/สอนให้ทำตามได้
คิดเรื่องทั่วไป
1.คิดอยากสำหรับตนเอง และสำหรับคนรอบข้าง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
2.คิดให้โอกาสตนเองและคนรอบข้าง เมื่อตนเองได้ดีแล้วคิดเผื่อให้ลูกน้อง
3.คิดดี ทำดี
4.คิดกตัญญูต่อบุพการี และผู้มีพระคุณ
5.คิดพลิกวิกฤตเป็นโอกาสทำงานไม่มีเงินประจำตำแหน่ง คิดทำ c.9
6.คิดทุกข์/สุขอยู่ที่ใจเคยคิดจะออกจากราชการ คิดใหม่ต้องอดทนสู้
7.คิดเรื่องบาปกรรม
8.คิดเราเป็นใครในองค์กร หัวหน้าก็คือหัวหน้า
9.คิดว่าเขาไม่ชอบ/เกลียดอยู่แล้ว หากเราจะทำให้ไม่ชอบ/เกลียดเพิ่มอีกสักนิดจะเป็นไรไป (เรื่องงาน)
10.คิดอะไรที่เป็นคุณ จัดให้ตามนั้น คิดอะไรที่เป็นโทษช่วยทำให้เบาบางลง
11.คิดให้รางวัลคนทำงานดี ขยัน เช่น 2 ขั้น 1.5 ขั้น 1 ขั้น คิดเพิ่มค่าระดับสำหรับงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 3 แก่บุคคลที่ทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เป็นงานนอกเหนือที่กำหนดใน KPIs
12.คิดเชิดชูบุคลากรด้วยการเสนอแข่งขันเป็นข้าราชการดีเด่น ให้เกียรติคนทำงาน ยกย่องชมเชย
13.คิดและสนับสนุนให้มีความก้าวหน้าด้วยการเลื่อนระดับสูงขึ้น เปลี่ยนตำแหน่ง ให้ไปศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศ
14.คิดเร็ว ทำเร็ว ดังนั้นคนรอบข้างต้องเร็วตาม
15.คิดให้ง่ายเข้าไว้ ไม่ยาก (เส้นผมบังภูเขา)
สุดท้าย นางกาญจนา สุคนธมณี ได้กล่าวขอบคุณผู้บังคับบัญชา ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดกลางทุกท่านที่ให้โอกาสได้ทำงานต่าง ๆ จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาจนทุกวันนี้
สรุปหลักการคิดและการทำงานของนางกาญจนา สุคนธมณี คือ “ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ประหยัด พัฒนา ช่วยลดปัญหา ช่วยกัน ช่วยกัน ช่วยกัน ทุกสิ่งจะสำเร็จ มีความจริงใจ รักกัน สามัคคี สิ่งสำคัญที่สุด อย่านิ่งดูดาย ช่วยได้ช่วย”
หลังจากจบการบรรบายได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้ร่วมกิจกรรมการจัดการความรู้ 2 รายดังนี้
1.นางสุมาลี นาคถนอมทรัพย์ หัวหน้าห้องสมุดโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการทำผลงานวิชาการที่ได้นำความรู้จากการที่เคยทำงานที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยศิลปากรไปประยุกต์ใช้และได้รับคำแนะนำจากนางกาญจนา สุคนธมณี เป็นอย่างดีมาตลอดตั้งแต่ทำผลงานเพื่อขอกำหนดตำแหน่งระดับ c.7 จนถึงการทำวิจัยเพื่อนำเสนอหน่วยงานภายนอกและผลงานนั้นได้รับคำยกย่องชมเชยมาก
2.นายสุพรชัย มั่งมีสิทธิ์ นักวิจัยเชี่ยวชาญ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สรุปความว่า สนับสนุนความคิดของนางกาญจนา สุคนธมณี ที่ว่าทำงานส่วนใดก็ทำและพัฒนางานส่วนนั้น ขณะนี้ตนเองตำแหน่งนักวิจัยแต่ได้รับมอบหมายให้ทำงานพัสดุ จึงพัฒนางานโดยกำลังดำเนินการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายค่าโทรศัพท์ของสถาบันฯ โดยศึกษาระเบียบพัสดุและ เสนอผู้บริหารขอใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แทนโดยเก็บข้อมูลมา 7-8 เดือน ขณะนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายค่าโทรศัพท์จากเดือนละ 5,000-7,000 บาท ลดลงเหลือเพียงเดือนละ 1,000 กว่าบาท ก็ทำกราฟเสนอผู้บริหาร และแจ้งข่าวสารภายในให้บุคลากรทราบ การเขียนวิจัยเชิงแก้ปัญหาในองค์กรจะเป็นประโยชน์แก่องค์กรมากที่สุด เอาระเบียบวิธีวิจัยมาใช้ด้วยสักเล็กน้อย ซึ่งการทำวิจัยแบบ R2R สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากรมีทิศทางที่ชัดเจนที่จะสนับสนุนและให้ความรู้พร้อมจัดสรรทุนให้นอกจากนี้ คุณสุพรชัยยังได้แนะนำหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือแนะนำการทำวิจัยสถาบันแบบ R2R คือ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละสายคอยช่วยแนะนำ โดยกล่าวว่าปัจจุบันการทำคู่มือปฏิบัติงานไม่พอค่างาน ดังนั้นต้องเตรียมงานวิจัยแบบนี้ไว้ ขอให้นำแง่คิดความรู้ที่นางกาญจนา สุคนธมณี แนะนำในวันนี้มาสั่งสมประสบการณ์ให้กับตนเองโดยใช้เวลาราชการที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์
นางกาญจนา สุคนธมณี ย้ำว่างานต่าง ๆ ให้ทำไว้อย่างต่อเนื่องอย่าทิ้งสามารถนำมาใช้ได้หมดแม้จะเป็นปี พ.ศ. เก่า และให้เขียนแบบง่าย ๆ ก่อน ถ้าเริ่มตั้งแต่บทที่ 1 อาจเขียนไม่ได้เพราะเริ่มต้นสิ่งที่ยาก
เห็นไหมว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฟังการบรรยายครั้งนี้มากมายเพียงใด ทั้งยังได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่นด้วย
2 thoughts on “ประโยชน์ที่ได้รับ: คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
หากอ่านเนื้อหาบล็อกข้างบนแล้วอาจมีผู้ถามต่อว่าการบรรยาย “คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี” ได้ประโยชน์อะไร ขอเรียนให้ทราบเพื่อจะได้ตรงประเด็นยิ่งขึ้นดังนี้
1. ได้ทราบความคิดเห็น/แนวความคิดของอดีตผู้บริหารหอสมุดที่มีผลต่อความเจริญก้าวหน้าของหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
2. ได้สารสนเทศที่ดี สามารถนำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน/ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
3. ได้เผยแพร่องค์ความรู้ของอดีตผู้บริหารผู้มีคุณูปการต่อหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง
4. ได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้บริหารผู้มีคุณูปการต่อบุคลากรและหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์มากว่า 17 ปี
5. ได้รวบรวมความรู้และความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมรับฟังที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ เห็นภาพบรรยากาศในงาน รวมถึงจำนวน/หน่วยงานที่เข้าร่วมงานครั้งนี้
6. ได้ผู้ทรงคุณวุฒิสำหรับให้คำแนะนำ/ให้คำปรึกษา ทั้งด้านการบริหารจัดการองค์กร, การทำผลงานวิชาการแก่บุคลากรภายในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยต่อไป (พี่แมวรับปากว่ายินดีช่วยเหลือน้อง ๆ ที่น่ารักทุกคน)
7. ได้นำเสนอบุคคลที่มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในแวดวงวิชาการ ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจว่าหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ สำนักหอสมุดกลาง มีคนเก่ง ดี มีคุณภาพ
หวังว่าจะได้เห็นประโยชน์ที่ได้รับชัดเจนขึ้นนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ในฐานะที่ดิฉันได้เข้าร่วมฟังการบรรยาย “คิดแบบนางกาญจนา สุคนธมณี” คนหนึ่ง สิ่งที่ได้รับฟัง ถึงแม้ว่าเวลาจะน้อยนิด เพียงชั่วโมงครึ่งก็ตาม แต่เนื้อหาสาระ และประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีมากมายหลายประเด็น หลายหัวข้อ ถ้าเรามานั่งอ่านและทบทวนที่ละหัวข้อ เราก็จะได้ประโยชน์ และเราลองมานั่งนึก นั่งคิดว่า หัวข้อไหนบ้างที่เราได้ทำไปแล้ว และหัวข้อไหนบ้างนะที่เราไม่เคยทำ พูดรวม ๆ ก็คือนับตั้งแต่มาบริหารงานหอสมุดฯ ในฐานะหัวหน้าหอสมุดฯ พี่แมวก็มีแต่จะพัฒนาองค์กรให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ทั้งด้านงานบริหาร และด้านบุคลากร ดิฉันขอต้องขอพระคุณพี่แมวเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เคี่ยวเข็ญ จ้ำจี้จำไช ทวงแล้วทวงอีก เห็นหน้าเป็นทวง ว่า งานที่ให้ไปลองเขียน ลองร่าง การเขียนผลงานกำหนดตำแหน่งทางวิชาการนั้นไปถึงไหนแล้ว ทั้ง ๆ ที่ดิฉันก็ได้เขียนไว้แล้วบางส่วน แต่ก็ไม่กล้าที่จะนำมาเสนอ กลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่พี่แมวแกก็บอกว่าเอามาดู และในที่สุด ความตั้งใจ ฮึดสู้ ไม่รู้มันมาจากไหน เกิดความอยากจะทำขึ้นมา ในเมื่อเราเห็นคนหน่วยงานอื่น ๆ เข้ามาแต่ในหอสมุดฯ มาขอความช่วยเหลือ ขอคำปรึกษากับพี่แมวอยู่ที่วี่ทุกวัน แล้วเราล่ะ อยู่ในหอสมุดฯ แท้ ๆ ทำไมจึงอยู่เฉย ๆ ดิฉันก็มีความพยายามในตัวตัวอยู่เหมือนกัน จะตื่นแต่เช้าตั้งแต่ตีสี่ตีห้า มานั่งเขียนงาน จนได้จำนวนหนึ่ง จึงนำมาให้พี่แมวช่วยตรวจทาน ช่วยดู จนได้ภาษาที่สละสลวย และได้ใจความครอบคลุมในงานที่เราปฏิบัติ สิ่งนี้แหละที่ดิฉันจะไม่เคยลืมบุญคุณอันใหญ่หลวง ความกตัญญู รู้คุณที่ีทำให้เราได้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน พูดได้คำเดียวเลยว่า ถ้าไม่ได้พี่แมวกระตุ้นอยู่ทุกวัน ก็คงไม่มีวันนี้ ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะเห็นว่าพี่แมวพูดเสียงดัง พูดมาก แต่ความดีในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของพี่แมวนั้นต้องยอมรับ พี่แมวมีความมัธยัสถ์ รู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์ เป็นเรื่องส่วนตัวของพี่แมว แต่ถ้าเรื่องงาน จะเห็นว่าพี่แมวให้โอกาสกับทุกคน แล้วแต่ว่าทุกคนจะรับโอกาสนั้นมาหรือไม่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีประสบการณ์ในงานด้านบริหาร แต่เราก็ชื่นชอบในการบริหารงานของพี่แมว เราก็จะนำมาเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม