การคิดยุคใหม่
เรื่องโดย พระอาจารย์ราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ) “ข้าพเจ้าไม่ถนัดด้านการศึกษา แต่ก็มีความสนใจในการฝึกอบรมเยาวชน ตั้งแต่แรกเกิด ข้าพเจ้าถูกปลูกฝังจิตสำนึกมาอย่างง่ายๆ จากคุณแม่ คือ ห้ามโกหก ถ้ารู้ว่าโกหกนิ่งดีกว่า ไปไหนต้องลา มาแล้วต้องบอก ผู้ใหญ่ให้เงินไปซื้อของ เหลือเงินทอนเท่าไรก็ต้องคืน ห้ามเก็บเงียบการถูกฝึกเช่นนี้ทำให้มีนิสัยกลัวบาป เพราะถือว่าคำสอนของแม่เป็นคำสอนศักดิ์สิทธิ์จะดังก้องอยู่ในใจเสมอ การละเมิดคำสอน คือการทำผิดต่อแม่ ซึ่งถือเป็นบาปหนัก วิธีการง่ายๆ นี้ได้ปลูกฝังลักษณะนิสัยของตนเองให้แตกต่างจากคนอื่นๆ และมีความภูมิใจมาตลอดเวลาว่า คำสอนเหล่านี้ ทำให้เราซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่เอาเปรียบใคร และทำให้ชีวิตปลอดภัย จิตใจไร้กังวล คิดดูว่า เด็กปัจจุบันนี้เอาแต่การศึกษา รีบส่งลูกเข้าโรงเรียน จะได้หมดภาระไป ส่วนพ่อและแม่ก็เอาแต่ทำมาหากิน ไม่มีเวลาอยู่กับลูก ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคำว่า อบรมบ่มเพาะกับการศึกษา เกิดช่องว่างระหว่างศรัทธา กับปัญญา ความรัก กับความรู้อย่างมาก
ข้าพเจ้าอาจจะคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ คือแยกการอบรมออกจากการศึกษา เพราะเชื่อมั่นว่าการศึกษาให้ความรู้ แต่การอบรมให้จิตสำนึกความรู้ใดไร้จิตสำนึกความรู้นั้นจะเแข็งกระด้าง มีโทษมากกว่าคุณ คนใดมีการศึกษาสูงแต่ไร้จิตสำนึก คนนั้นจะมีพิษภัยต่อประเทศชาติ สังคมและการบริหารครอบครัว เราจะมีความรู้ไปทำไม ถ้ามิใช่เพื่อสร้างจิตสำนึก การเรียนสูง ปริญญามาก มิได้บ่งบอกหรือรับประกันว่าคุณจะเป็นคนดี ในทางตรงกันข้าม หากมีจิตสำนึกดีแล้ว แม้ไม่มีดีกรีปริญญาใดๆ เลย สังคมก็ยอมรับเชื่อถือ ยกย่องให้เกียรติ คนประเภทนี้ต่างหากที่ประเทศชาติเราขาดแคลนโหยหาอย่างยิ่ง เราพัฒนาประเทศเราสร้างมหาวิทยาลัย สร้างหลักสูตรปริญญามากมาย สร้างถาวรวัตถุโก้หรู แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นจะล้มทับเราเอง หากยังสร้างจิตสำนึกของคนไม่ได้ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา สร้างศาสนทายาทโดยไม่มีงบประมาณ ไม่มีอาคาร ไม่มีปริญญาสอนกันในป่า ไม่มีคะแนน ประเมินผลด้วยตัวเอง ทุกคนต้องลงมือทำเอง ต้องปฏิบัติตามที่บอก คือจิตสำนึกในพระธรรมวินัย พระไตรปิฎก เป็นศาสนทายาทที่ดี มีคุณค่าต่อโลกอย่างกว้างไกล
วันนี้ท่านเหล่านี้กำลังเพาะเมล็ดพันธุ์พุทธลงในใจคนชนบท และในต่างประเทศได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ควรเอาอย่างว่า ท่านสร้างจิตสำนึกของคนให้หนักแน่นได้อย่างไร
แหล่งที่มา ซีเคร็ต Secret นิตยสารรายปักษ์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 138 เดือน26 มีนาคม 2557
2 thoughts on “การคิดยุคใหม่”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
อยากให้มีสังคมคนจิตสำนึกดี มีความคิดแบบการคิดยุคใหม่ สังคม/องค์กร คนทำงานจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข
และอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงคำแม่สอนสมัยเด็ก แม่จะบอกว่าห้ามโกหก ห้ามขโมย ถ้ารู้ว่าขโมยจะตีให้มือหัก ที่บ้านค้าขายมีตังค์เต็มเก๊ะ(ลิ้นชัก)ไม่ต้องใส่กุญแจลิ้นชัก เงินไม่มีหาย ให้เงินไปซื้อของเหลือเงินทอนเท่าไรก็ต้องคืน ก็มีลุ้นเผื่อแม่ใจดียกเงินทอนให้สักสลึงก็ยังดี
เราก็นึกถึงอดีตเหมือนกัน เงินเก็บใส่ในลิ้นชักปิดตลอด เพราะกลัวว่าเราจะขโมย แต่ก็ไม่ขโมยหรอก เพราะพ่อห่อไว้เป็นอย่างดี เหลือจากการซื้ออาหารกับข้าวมาต้องทอนให้ได้ มีอยู่ 40 บาทต้องจ่ายให้ได้ตามนั้นพอดี แสดงให้เห็นความซื่อสัตย์จริงๆ ของเราก็ถ้าทำผิดเค็กกะบาน หรือไม่ก็เอาขันโขกถ้าขโมยเงิน