จากนวนิยายสู่ละคร
ได้มีโอกาสฟังการพูดคุยนักเขียนนวนิยายและนักเขียนบทโทรทัศน์ จัดโดยนักศึกษาจากชมรมวรรณศิลป์ ในงานทับแก้วบุ๊คแฟร์ หัวข้อแปลอักษรเป็นละครหลากมิติ : มุมมองจากนวนิยายสู่ละคร ซึ่งได้เชิญคุณอาริตา นักเขียนนวนิยายมาแล้วกว่า 300 เรื่อง และคุณนันทวรรณ นักเขียนบทโทรทัศน์ที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปี มาถ่ายทอดบทบาทการทำงานให้เราฟัง
คุณอาริตาถ่ายทอดเรื่องราวในมุมของนักเขียน ให้ฟังว่า งานเขียนเป็นงานต้นน้ำ ผู้เขียนเขียนด้วยจิตวิญญาณของความเป็นนักเขียนที่อยากจะสื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงมากที่สุด ไม่ได้เขียนเพื่อที่จะขายหรือนำไปเป็นละคร งานเขียนเป็นงานที่เขียนด้วยอิสรภาพทางความคิดที่ต้องการสื่อออกไป ส่วนเรื่องไหนที่ได้ทำเป็นละครถือเป็นผลพลอยได้ ซึ่งนิยายทุกเรื่องสามารถนำมาทำเป็นละครได้หมดขึ้นอยู่กับว่าจะนำแง่มุมไหนไปสื่อเป็นภาพ ส่วนมุมมองของคนเขียนบทโทรทัศน์
คุณนันทวรรณได้เล่าถึงการทำงานว่า คนเขียนบทโทรทัศน์จะให้เกียรติและเคารพนักเขียนนิยายเพราะเป็นเจ้าของผลงาน ส่วนเรื่องใดที่จะนำมาเป็นละครนั้น คนซื้อบทส่วนใหญ่จะเป็นนายสถานีหรือบอร์ดของช่องนั้นๆ และผู้จัด การเขียนบทโทรทัศน์จะต่างจากการเขียนนิยายคือ เขียนไว้สำหรับการทำงานเป็นทีม เกิดขึ้นโดยบริบทของพาณิชย์ศิลป์ เรื่องบางเรื่องจึงไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ตามนิยาย เช่น การทารุณกรรม การใช้ภาษาซึ่งบางครั้งเราจะได้ยิน/ฟัง แต่เมื่อเป็นละครไม่สามารถนำมาใช้ได้ยกเว้นละครอิงประวัติศาสตร์ เป็นต้น การดัดแปลงบทละคร เป็นเรื่องที่ท้าท้าย เพราะคนที่อ่านนิยายมาก่อนมักจะคาดหวังให้ใกล้เคียงกับในนิยายมากที่สุด และความสามารถของนักแสดงจะชนะใจผู้ชมได้หรือไม่ ซึ่งบางครั้งการสร้างนักแสดงมากจนลืมความคาดหวังของผู้ชมไป
ในตอนท้ายคุณอาริตาได้ฝากข้อคิดไว้ว่าหัวใจของการเขียนนิยายคือ ต้องสนุกกับมันและเขียนบนความเป็น คุณนันทวรรณ กล่าวว่า หัวใจของบทโทรทัศน์คือ องค์ประกอบความคิดสำคัญที่สุด นิยายมีความลึกซึ้ง ผู้เขียนบทมีหน้าที่ส่งผ่านความคิดไปสู่ผู้อ่านทางภาพ โดยส่วนตัวการฟังในครั้งนี้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ทั้งในด้านความรู้ของสายงานอื่นๆ เข้าใจการทำงานของผู้อื่นมากขึ้น (จากเดิมที่เราในฐานะเป็นผู้อ่านและผู้ชม ที่ค่อนข้างคาดหวังนิยายกับละครโทรทัศน์)