การแสดงพื้นบ้านละครเมืองเพชร
ละครชาตรีเมืองเพชร ถือเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านอย่างหนึ่งของคนเพชรบุรี ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ที่คนเพชรบุรีมีความภูมิใจ มีลักษณะ
1. การโหมโรง คือ การบรรเลงดนตรีเพื่อเรียกร้องให้คนรู้ว่ากำลังมีงานที่ใด ถ้าเล่นเป็นละครชาตรีแก้บนตอนกลางวันก็จะใช้ตีกลองชาตรี (กลองตุ๊ก) เป็นเสียงตุ้มๆ ๆ ๆ ต้อมๆ ๆ ๆ จนถึงเวลาแสดงแล้วชะงักกลองเป็นครั้งสุดท้ายอีกทีหนึ่ง ะและขั้นตอนการแสดง
2. การรำถวายมือ เป็นการรำบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจารย์ที่ได้อบรมสั่งสอนมา และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ละครทุกตัวจะออกมารำถวายมือ ปัจจุบันใช้เพียง ๔ คน ถ้าเป็นละครชาตรีแก้บน ผู้แสดงจะออกมานั่งคุกเข่าแบบละครที่กลางโรง พอเรียบร้อยนักดนตรีจะหยุดและขึ้นเพลงทำนองใดทำนองหนึ่งซึ่งทราบกันโดยอาศัย ความเคยชิน (แต่ในอดีตนิยมใช้เพลงทำนอง “เชื้อ” เพียงเพลงเดียวเท่านั้น) ตัวพระที่เป็นต้นเสียงจะร้องเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าภาพแจ้งให้ทราบแล้วตั้งแต่ก่อนลงโรง (โหมโรง)เมื่อร้องมาถึงตอนนี้ผู้แสดงทั้งหมดก็จะเริ่ม “รำถวายมือ” คือ การรำท่ารำแม่ท่าของละคร ประกอบด้วยท่ารำในเพลงช้า เพลงเร็ว และเพลงลา โดยผู้รำจะตัดมาเพียงเพลงละไม่กี่ท่าเพื่อไม่ให้ยืดยาว เพราะยังมีขั้นตอนอื่น ๆ ตามมาอีก เมื่อรำจบกระบวนท่าของรำถวายมือแล้ว ตัวละครจะหายเข้าโรงไป คราวนี้ก็จะมีการร้อง “กาศครู” หรือ “ประกาศโรง” เป็นการร้องโดยใช้ทำนองเดียวกับที่พวกมโนห์ราร้อง พอร้องจบ ตัว “นายโรง” (ตัวพระ) จะออกมารำ “ซัดชาตรีไหว้ครู” แต่เดิมจริง ๆ นั้น ใช้ผู้แสดงเกินกว่า ๑ คน แต่ปัจจุบันใช้เพียงคนเดียว และหาดูได้ยาก เมื่อรำซัดชาตรีไหว้ครูจบแล้ว ก็เดินเข้าโรงไประหว่างที่รำอยู่นั้น จะมีพิธีการประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเรียกกันง่ายๆ ว่า“ทับที่” จากนั้นก็มีการบริกรรมคาถาป้องกันการกระทำย่ำยีจากผู้ไม่ปรารถนาดี มีการขอที่ธรณีสงฆ์ (หากแสดงในบริเวณวัด)และร่ายคาถากำหนดสี่มุมโรง เพื่อป้องกันคุณไสยที่ถูกปล่อยมาทำร้ายคนในคณะ จากนั้นจึงเริ่มจับเรื่อง(เริ่มแสดง)
3. การแสดงเมื่อรำซัดเสร็จ ผู้รำก็จะมานั่งที่เตียงและเริ่มดำเนินเรื่อง การแสดงจะดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลา ๑๒.๐๐ น.และจะหยุดพักให้ตัวละครรับประทานอาหารกลางวันก่อน พอเวลา ๑๓.๐๐ น.ก็จะเริ่มการแสดงต่อจนถึงเวลาเย็น ๑๖.๐๐ น.จึงจะเลิกการแสดงแม้เรื่องจะยังไม่จบ ถ้าแสดงตอนกลางคืนจะเริ่มเวลา ๒๐.๐๐ น.หรือ ๒๑.๐๐ น.จนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น.การแสดงละครชาตรีเมืองเพชร ขณะที่ผู้แสดงนั่งที่เตียง เจ้าของคณะจะเป็นผู้บอกบทนำโดยไม่ต้องดูบท ผู้แสดงจะร้องเอง ๑ วรรค และมีลูกคู่รับ เช่นนี้ตลอดไป เมื่อผู้แสดงร้องและรำไปจบตอนหนึ่งแล้วจะมีการหยุดให้เจรจาเพื่อแนะนำตัวเองและเล่าเหตุการณ์ตามบทบาทของตนเอง เมื่อแสดงจนจบบทของตนแล้วก็นั่งลงข้างเตียงแล้วตัวอื่นก็ลุกขึ้นแสดงต่อไป ผู้ที่พัก การแสดงจะทำหน้าที่ลูกคู่ร้องรับต่อไป ผู้แสดงจะต้องร้องเอง เจรจาเอง และออกมุขตลกเองจะนอกเรื่องบ้างก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับไหวพริบและความสามารถของผู้แสดง
4. ฉาก ส่วนใหญ่การแสดงละครชาตรีที่ใช้ในการแก้บนจะไม่มีฉาก แต่ถ้าแสดงในงานวัดหรือที่ไม่ใช่การแก้บน จะใช้ฉากแต่ก็มีไม่มากเพียง ๒ ฉากเท่านั้น คือ ฉากท้องพระโรงและฉากป่า หรือให้เหมาะกับเนื้อเรื่อง สมัยก่อนไม่มีฉาก แสดงตามที่โล่ง ๆ มีเพียงเตียงนั่งตรงกลางบริเวณโรงละคร (อาจเป็นศาลากลางวัดหลังหนึ่ง)และมีม้ายาวสูงกว่าเตียงเล็กน้อยสำหรับวางศีรษะพ่อแก่ หรือศีรษะฤาษี,ชฎา,มงกุฏ กระบังหน้า และหัวโขนเบ็ดเตล็ดที่ใช้ในการแสดง
5. การแต่งกาย ละครชาตรีเมืองเพชรบุรี นิยมเล่นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ เช่น สังข์ทอง,ไชยเชษฐ์ ฯลฯ นานๆ จะได้เห็นบางคณะแสดงเรื่องพระอภัยมณี,ลักษณาวงศ์,ขุนช้างขุนแผน สักครั้งหนึ่ง ผู้ที่แสดงเป็นตัวพระ เป็นตัวนางจะแต่งเครื่องใหญ่ทั้งหมด ตัวฤาษี,ตัวยักษ์ ก็จะสวมหัวฤาษีหรือหัวยักษ์ ตัวเสนาจะนุ่งผ้าโจงกระเบน ไม่ใส่เครื่องประดับตกแต่ง สำหรับตัวละครที่เป็นสัตว์ก็จะสวมหัวสัตว์นั้น ๆ ปัจจุบันการแต่งกายมักนิยมเอาเครื่องแต่งกายของลิเกมาผสม ถ้าแสดงแบบละครไทย เช่น นางตลกจะแต่งกายแบบง่ายๆ คือ เอาผ้าถุงมาทำเป็นกระโปรงบานรูด บางทีก็แต่งกายชุดไทยสไบเฉียงแล้วแต่ความเหมาะสม
6. เพลงที่ใช้ประกอบการแสดง จะเป็นเพลงที่ร้องง่าย ๆ ไม่คำนึงถึงอารมณ์ของเพลงเท่าใดนัก เพราะตัวละครจะต้องร้องเอง ดังนั้นจึงเลือกเพลงที่หัดง่าย เช่น เพลงร่าย,ช้าปี่,นาง นาค ขึ้นพลับพลา,โทน,ช้างประสานงา,เชิด,เสนอ,ลา,โลม,โอด เป็นต้น
7. ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง ถ้าเป็นละครเล่นแก้บนตามลานวัด ไม่มีโรง เครื่องดนตรีจะมีน้อยชิ้น เช่น โทน,กลองทัด,กลองชาตรี(กลองตุ๊ก),โหม่ง,กรับ,ฉิ่ง บางครั้งอาจมีระนาดเอกเพิ่มด้วย และบางครั้งก็มีเครื่องดนตรีเพียง ๒ ชิ้น คือ กลองตุ๊ก และกรับเท่านั้น แล้วแต่ว่าเราจะเป็นโรงเล็กหรือโรงใหญ่ ถ้าเป็นละครที่ไปเล่นตามงานเครื่องดนตรีจะเพิ่มขึ้น ดังนี้ ระนาดเอก,ระนาคทุ้ม,ฆ้องวง,ตะโพน,กลองแขก,ฉาบ และปี่
8. บทละครชาตรีเมืองเพชรบุรี ส่วนใหญ่เป็นบทละครที่พิมพ์เป็นเล่มเล็กๆ มีหลายเล่มต่อ ๑ เรื่อง ที่นิยมบทละครของสำนักวัดเกาะ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ บางคณะก็เอาบทพระราชนิพนธ์ละครนอก ๖ เรื่องของรัชกาลที่ ๒ มาแสดง
9. โอกาสที่ใช้ในการแสดง ละครชาตรีเมืองเพชรปัจจุบันส่วนใหญ่จะแสดงในงานแก้สินบน นอกจากนั้นก็มีแสดงในงานประจำปีของจังหวัด งานวัด งานบวช งานโกนจุก และงานมงคลต่าง ๆ