ระหว่างทางที่เกียวโต 8 : ใบไม้เปลี่ยนสี
ดิฉันมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เขียนบล๊อกนานนนนนมาก หนักไปทางเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ รำพึงรำพัน ตามประสาคนอยู่คนเดียว แต่เมื่อย้อนกลับมาดูพบว่าเขียนครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 ตุลาคม นี้เอง นั่นหมายความว่าเดือนครึ่งพอดี
เรื่องที่จะเล่าเป็นเรื่องเรื่อยเปื่อย ที่ความจริงต้งใจจะเขียนอีกเรื่องหนึ่ง แต่เขียนไปเขียนมาออกเป็นเรื่องนี้ 🙄
ช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนมีภารกิจทั้งงานหลวง (ญี่ปุ่น) และงานราษฎร์ (ไทย) มีเหตุให้ต้องเดินทางไปๆ กลับๆ เกียวโต กับโตเกียว สองเมืองนี้ถึงปัจจุบันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องชื่อสลับกัน ดิฉันจึงมักเรียกสลับกันไปมา จนอีกฝ่ายถามย้ำถึงรู้ว่าบอกผิดเมือง และคนในมหาวิทยาลัยเกียวโตจะบอกว่าตัวเองอยู่ที่ เกียวได และเรียกมหาวิทยาลัยโตเกียวว่า โตได
การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ใช้รถไฟชินคันเซ็น หน้าตาเป็นแบบรถไฟใต้ดินบ้านเรา แต่หัวจะแหลมๆ จะได้ไม่ต้านแรงลม ด้านในที่นั่งและที่เก็บของด้านบนศีรษะเหมือนเครื่องบินหรือเหมือนรถทัวร์สายยาวๆ ปกติแล้วที่นั่งจะหันหน้าไปทางเดียวกัน
แต่หากเรามากันสี่คนก็หมุนเก้าอี้หันหน้ามาตั้งวงได้ วิ่งเร็วมากเวลามองข้างทางจะปวดหัว ระหว่างเดินทางมีพนักงานเข็นรถมาขายอาหาร เช่น บะหมี่และของขบเคี้ยว ที่ชอบคือพิมพ์ใบเสร็จออกมาได้ด้วย ส่วนราคานั้นแพงมาก หากมาเที่ยวควรซื้อตั๋วเหมาที่เรียกว่า เจอาร์พาสต์ ที่มีหลายแบบ และที่สำคัญคือ ขึ้นได้เรื่อยๆ ส่วนดิฉันซื้อไม่ได้เพราะไม่ใช้นักท่องเที่ยวจึงต้องจ่ายราคาเต็ม ตั๋วที่เห็นด้านล่างคือเป็นค่ารถกับค่าธรรมเนียมในราคาเที่ยวเดียว 😳
ส่วนในเมืองนอกจากรถเมล์แล้ว ก็จะนั่งรถไฟใต้ดิน/บนดิน ต่อกันไป ต่อกันมา เพราะมีหลายบริษัท ดังนั้นก่อนการเดินทางสิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการดูแผนที่ และพิมพ์แผนที่ติดตัวไว้ ทุกคนจะกูเกิ้ลแมพ หากมีมือถือมีวิฟิก็สบาย ส่วนดิฉันไม่มีจึงใช้วิธีพิมพ์ออกมาหากไปไกลๆ ส่วนใกล้จะใช้วิธีถ่ายรูปแล้วเก็บในโทรศัพท์ แล้วนั่งทบทวนชื่อสถานีและชื่อรถไฟ เรื่องพวกนี้สำคัญมากไม่ว่าจะเดินทางไปไหน และจะมากตามลำดับเมื่อต้องเดินทางต่างบ้านต่างเมือง
หลังจากนั้นคือการเดิน และเดิน และไปให้ถึงปลายทางตามที่เวลาที่นัดหมาย เป๊ะ!
ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เมืองเกียวโตเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวเต็มไปด้วยผู้คนมหาศาล แถมฝนตก พลเมืองเกียวโตอย่างดิฉันอยากจะออกไปเดินๆ บ้างจึงต้องอาศัยการตื่นเช้าที่สุด หาที่ที่ไม่มีคนไป เพื่อไปดูใบไม้สวยๆ จึงต้องอาศัยสองขากับรถประจำตำแหน่งปั่นไปเรื่อยๆ พร้อมกับแผนที่เผื่อจะหลง ไปตามซอกซอยต่างๆ สามโมงเย็นต้องกลับบ้านแล้วเพราะมืดเร็ว
บางที่ไปแล้วสวยมาก จนอยากให้พวกเรามายืนอยู่ด้วยกัน เพราะคิดว่าทุกคนคงชอบ แต่ทำไม่ได้เลยขอส่งแต่รูปมาให้ดูกันค่ะ
สีเหลือง คือใบแปะก้วย ส่วนสีส้มหรือแดงคือใบเมเปิ้ล
รูปสุดท้ายเป็นสัจธรรม ดังนั้นจงอย่ายึดมั่นถือมั่น เพราะความสวยงามไม่ได้จีรัง หากเรามีรากฐานที่มั่นคงความสวยจะมาเองตามฤดูกาล…. เอวัง
คิดถึงทุกคนค่ะ อีกไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว
3 thoughts on “ระหว่างทางที่เกียวโต 8 : ใบไม้เปลี่ยนสี”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
ค่าตั๋วเป็นเงินไทยเท่าไรคะ ภาพถ่ายสวยมาก มีคนบอกว่าใบแปะก๊วยคือส่วนที่ช่วยความจำ
กลับมาปองคงหุ่นดีเพราะได้ออกกำลังกายทุกวันกับพาหนะคู่ชีพ
ใบไม้เปลี่ยนสีสวยมากเลยค่ะ พี่ไปเกาหลีมาเมื่อเดือน ต.ค. ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีเหมือนกันแต่ความสวยงามสู้ที่ญี่ปุ่นไม่ได้เลย
ตอนนี้เงินเยนลดลงแล้วค่ะ ปรกติหนูจะใช้วิธีเอาสามประมาณๆ เอาค่ะ