คำนำหน้านามกับความเชื่อมั่น
คำนำหน้านาม ในที่นี้แบ่งออกเป็น 1) คำนำหน้านามปกติทั่วไปที่ใช้กัน ได้แก่ นาย นาง นางสาว 2) คำนำหน้านามที่แสวงหาด้วยตนเองจากการศึกษา / การทำผลงานทางวิชาการ ได้แก่ ดอกเตอร์/ด๊อกเตอร์ (ดร.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) ศาสตราจารย์ (ศ.) 3) คำนำหน้านามหลังเกษียณอายุราชการได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ/กิตติคุณ และ 4) คำนำหน้านามที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเช่น หม่อมเจ้า (ม.จ.) หม่อมราชวงศ์ (ม.ร.ว.) หม่อมหลวง (ม.ล.) เป็นต้น
การบันทึกครั้งนี้ขอย้ำเฉพาะคำนำหน้านามที่แสวงหาด้วยตนเองคำว่า ดร. ผศ. รศ. ศ. เท่านั้น คำเหล่านี้ช่วยเน้นย้ำความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจในข้อมูลที่บุคคลคนนั้นนำเสนอทั้งด้วยลายลักษณ์และวาจา ซึ่งกว่าจะจบการศึกษามีคำว่า ดร. นำหน้าต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน ใช้ความมุ่งมั่น ความมุมานะ ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กว่าจะได้ ผศ. รศ. ศ. นำหน้าชื่อตนเองก็เช่นเดียวกันกับ ดร. ยิ่งผู้ใดมีคำนำหน้ามากหลายหลาย ยิ่งน่าเชื่อถือทำให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นเช่น ศ. ดร.นายแพทย์ ม.จ. / ศ.พล.ต.อ. ดร. เป็นต้น
ในการเขียนบทความลงวารสารวิชาการ หรือ วารสารวิจัย ต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรอง หรือผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรอง หรือคณะกรรมการ Peer review ดังนั้นวารสารแต่ละชื่อจึงมีรายชื่อคณะกรรมการฯ โดยมีคำนำหน้านาม ศ.ดร. / รศ.ดร. จำนวนมาก มองหาคำนำหน้า นาย นาง นางสาว ระดับน้อยมากลงไปจนถึงไม่มี
ที่ผ่านมาการประชุม/สัมมนามักพบว่า พิธีกรยังคงเรียกและใช้คำว่า นาง นางสาว นาย นำหน้าชื่อ ทั้ง ๆ ที่บุคคลผู้นั้นมีสิทธิ์และศักดิ์ใช้คำว่า ดร. แล้วก็ตาม อาจเนื่องจาก 1) พิธีกรยึดตามระเบียบงานสารบรรณ 2) พิธีกรไม่ทราบ ดังตัวอย่างเช่น ขอเรียนเชิญ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร…………..กล่าวรายงาน…………และขอเรียนเชิญ นาง………………….รองเลขาธิการ…………….กล่าวเปิดการสัมมนาและบรรยายพิเศษ ซึ่งผู้เขียนทราบในต่อมาว่า นาง…………..มีคำนำหน้า ดร. ด้วย
สำหรับผู้เขียนคำว่า ดร. นั้นต้องหยุดพักไปเลยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 (จบปริญญาตรี 2518 ปริญญาโท 2528) เพราะเหตุผลหลักก็คือ คำ ๆ เดียวของผู้เป็นสามี เหตุผลรองลงมาก็น่าจะเป็นบุคลากรสาย ข. ค. การอนุญาให้ลาศึกษาต่อระดับปริญญาเอกยัง… หากถามว่า ทำไมจึงอยากได้คำนี้ ขอตอบว่า 1) ก่อนแต่งงาน เอาไว้ป้องกันไม่ให้ใครเรียกว่า นางสาวกาญจนา ………จนย่างเข้าอายุในวัยชรา 2) การทำงาน เอาไว้เป็นยันต์กันตัวเองให้มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ซึ่งต่อมาจนทุกวันนี้จะพบว่า คนรุ่นใหม่มีการศึกษาต่อกันอย่างไม่หยุดยั้งซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี คิดว่าหากมีมากกว่าปริญญาเอกคงต้องศึกษาต่อกันอีก แน่นอนลูกศิษย์ย่อมไปไกลกว่าครู/อาจารย์ที่สอน
มีเรื่องเล่าย้อนอดีตหรือหวนอดีตของตนเอง ขณะเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น(ม.ศ.1-2) ต้องวิเคราะห์เองว่า ทำไมเรียกผู้สอนคนนี้คนนั้นว่า ครู คิดเองว่า อ้อผู้สอนคนนี้คงจบชั้นสูงสุดจากวิทยาลัยครู (จบ ป.กศ.สูง) ซึ่งถือว่าเก่งสุดยอดแล้ว ต่อมาเรียนชั้น ม.ศ.3 เรียกครูประจำชั้นของตนเองตามรุ่นพี่ที่เรียกก่อนแล้วว่า อาจารย์ แต่ในใจยังเรียกว่า ครู
ต่อมาทราบว่าครูคนนี้จบจากคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ (เออมีแบ่งแบบนี้ด้วย) เมื่อเรียนชั้นม.ศ.4-5 ครูผู้สอนจบจาก วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร (สอนภาษาไทย โคตรเก่ง) จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ (สอนภาษาฝรั่งเศส สอนภาษาอังกฤษ เก่งมากๆทุกคน) คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ (สอนคณิตศาสตร์/ วิทยาศาตร์ สุดยอดเก่งมากๆ ) ก็ต้องเรียกทุกคนว่า อาจารย์ เพราะทุกคนจบปริญญาตรี แต่ความเป็นครูของทั้งครูและอาจารย์เหล่านั้นสูงยิ่ง
หลังจบปริญญาตรีแล้ว พบคำย่อต่อท้ายของคนอื่น อ.บ.(จุฬา) ก็คิดอีก อ้อก็มี อ.บ. ของศิลปากรหรือทับแก้วไง จึงต้องระบุให้ชัดเจน (555) แต่ของผู้เขียนต่อท้ายด้วยดังนี้ ศศ.บ. พ.ม. กศ.ม. (พ.ม. ได้เพราะแม่ขอร้องให้สอบติดตัวไว้ ทั้งที่ พ.ม.เป็นวุฒิ ประมาณว่า อนุปริญญา) สำหรับชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ ไม่มีให้ใช้ แต่เคยใช้นะ เพื่อให้นักศึกษาซึ่งผู้เขียนรับผิดชอบเป็นที่ปรึกษาสารนิพนธ์ของนักศึกษาที่เรียนโดยนโยบายของท่านนายก พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร กองทุนหมูบ้านและชุมชนเมือง มีความเชื่อถือ ใช้เอง ชช. ต่อท้ายชื่อตนเอง ได้มาตั้ง 33 เล่มค้นได้จากหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
การบันทึกครั้งนี้ดูเหมือนผู้เขียนอิจฉาหรือประชดประชันผู้เกี่ยวข้อง แต่จะอย่างไรก็ได้มีบันทึกไว้แล้ว
5 thoughts on “คำนำหน้านามกับความเชื่อมั่น”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
คำว่า ดร. เป็นความภาคภูมิใจของข้าพเจ้าและวงศ์ตระกูลเป็นอย่างยิ่งซึ่งมาจากความเพียรพยายามและความสามารถของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง แต่ภาคภูมิใจมากกว่านั้นข้าพเจ้าสามารถนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่คณาจารย์ได้อบรมสั่งสอนไปสร้างและพัฒนาคนให้เป็นผู้ที่รู้จักใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยเฉพาะวงศ์ตระกูลของข้าพเจ้าและลูกศิษย์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนผลักดันให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือ ดร. โดยคุณกาญจนา หัวหน้าหอสมุดพระราชวังสนามจันทร์
สำคัญที่สุดคือ ตัวคุณเอง
เรื่องนี้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากสังคมไทยนะคะว่าควรเขียนอย่างและใช้ตอนไหน หาดูได้จากกูเกิ้ล ส่วนตัวแล้วมีความเห็นสองประการคือ เป็นเรื่องของตำแหน่งกับคุณวุฒิ ดังนั้นเพื่อความสบายใจและอธิบายได้ การใช้นำหน้าในการเอกสารทางราชการ ซึ่งควรจะยึดตามระเบียบสารบรรณ ส่วนการให้เกียรติในฐานะผู้มีการศึกษาในระดับสูงต้องใส่คำนำหน้าว่า ดร. ไปด้วยเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ เช่น การเป็น peer review การประชาสัมพันธ์ถึงจุดเด่นขององค์กร เช่นนี้แล ถามว่าทั้งหมดเป็นเอกสารราชการทั้งหมดไหม ตอบว่าใช่ แต่ในความเห็นตัวเองแบบหลังดูศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
แต่ใครจะใช้อย่างไรไม่ขัดศรัทธา เพราะคนเราคิดต่างกันได้
การมีบุคลากรที่จบมาในระดับนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีของทุกหน่วยงาน สำหรับพวกเรา มีน้องรสรินทร์ที่จบมาทางด้าน HR ทำเรื่อง KM มาในระดับปริญญาเอก ซึ่งหอสมุดฯเราขาดคนที่มีองค์ความรู้ทางด้านนี้ แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยก็เถอะ จึงถือเป็นโชคดีของพวกเรา และน้องน่าจะเป็นกำลังสำคัญซึ่งส่วนตัวมีความคิดหลายอย่างที่อยากให้ช่วยและเป็นผู้นำทีม ซึ่งความเสมอต้นเสมอปลายของน้องที่พบมาอย่างยาวนานคือความยินดีในการทำงาน วันก่อนพบกันตัวเองได้แต่บ่นๆว่าไม่ค่อยได้เจอกัน จึงแทบจะไม่ได้คุยอะไรกัน
ช่วงนี้คุณพี่มีภารกิจส่วนตัวอันยิ่งใหญ่จึงขอเว้นไปก่อน อย่าหนีไปไหนก่อนก็แล้วกัน หรือไปคุณพี่ก็จะเรียนเชิญมาบช่วยค่ะ ♥
สำหรับพี่ตา คำนำหน้าที่ไม่ใช่ นาง นางสาว คงเป็นไปไม่ได้แล้ว คงเก็บไว้ให้รุ่นลูกแล้วหล่ะ
ข้าพเจ้ายินดีให้ความร่วมมือค่ะถ้า พี่ๆเพื่อนๆ ชาวหอสมุด ถ้าพิจารณาแล้วว่าข้าพเจ้ามีความเหมาะสมหรือความรู้ความชำนาญของข้าพเจ้าสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้กิจกรรมนั้นประสบความสำเร็จได้ ขอบคุณค่ะ