ธรรมะ….จุดเปลี่ยนของชีวิต?
พอดีได้ดูรายการเจาะใจ ในวันที่ 7 และวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 รายการได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตของคุณพัทธ์อิทธิ์ ชีวิตเค้าน่าสนใจมาก ชอบในคำพูดของเขาที่ว่า “คนเราไม่มีใครอยากทำชั่วมาตั้งแต่เกิด และไม่มีใครอยากทำเลวตลอดไป” เขาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เกิดมาบนกองเงินกองทองที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ เขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมชื่อดังใน จ.พิษณุโลก ก่อนหน้านี้เขาใช้ชีวิตแบบเสเพล ไม่สนใจใครและพร้อมที่จะพุ่งชนกับทุกคนได้ทุก เมื่อ หากรู้สึกว่าคำว่าไม่พอใจ เป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบหาเรื่องชกต่อย ไม่เคยกลัวใคร หน้าไหน เค้าไม่เคยเชื่อในคำว่า ศรัทธา “ไม่ศรัทธาในความดี และไม่ศรัทธาในความรัก”
ด้านการศึกษาเป็นคนหัวดี เรียนเก่ง ทางครอบครัวได้ส่งไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ด้วยสภาพแวดล้อมอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เขาใช้ชีวิตแบบสุดขั้ว ทั้งกินเหล้า เสพกัญชา ใช้ชีวิตแบบเพลบอย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะตั้งใจเรียน ซึ่งการเรียนของเขานั้น คนอื่นจบกัน 2 ปี แต่เขาใช้เวลาเพียงปีเดียว จากนั้นก็บินไปเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นประเทศที่การโรงแรมดีที่สุด และทางครอบครัวอยากให้เขาเรียนจบมาเพื่อช่วยกิจการของโรงแรม สุดท้ายเขาก็กลายเป็นท็อปไฟล์ของมหาวิทยาลัย มีโรงแรมดังๆ ระดับโลก มาเชิญให้เขาไปทำงาน แต่เขาก็ปฏิเสธ เขาเลือกที่กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว
จุดเปลี่ยนที่สำคัญหลังจากที่เค้าได้กลับมาคือ โรงแรมของที่บ้านกำลังจะเจ๊ง ด้วยความที่ตนเอง เพิ่งจบใหม่ ไฟแรง ยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก ไม่ฟังความคิดใคร เข้มงวดกับพนักงานทุกคน ใครที่ตอบคำถามไม่ได้ตามที่เขาต้องการ เขาจะไล่ออกยกทีม ซึ่งบางคนก็ไม่พอใจที่โดนไล่ออก และเขาก็จะชอบท้าชกต่อยด้วยเสมอ
การใช้ชีวิตในฐานะผู้บริหารโรงแรม ด้วยวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมาก เขาชอบมากที่สุด คือได้ใช้ชีวิตแบบเต็มที่ที่เขาได้เรียนมา แต่ความเปลี่ยนแปลงของเขาครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต อีกอย่างคือ…ในวันที่ผู้จัดการโรงแรมโดนยิงตาย เขาเคยไล่ยามในบริษัทคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวขโมยและความเคียดแค้นของยามคนนั้น ได้บอกกับเขาว่า กูจะเอาคืนให้เจ็บไปเลย ผ่านไปไม่นานเขาโดนข้อหาจ้างวานฆ่า และมีหลักฐานคือ ห้องของเขา รถยนต์ และอาวุธปืนของเขาที่ใช้ก่อเหตุ เขาใช้ชีวิตในห้องคุมขังนาน 11 วัน ทางครอบครัววิ่งเต้นนำเงินมาประกันตัว แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างเมื่อศาลชั้นต้นระบุว่าจำเลยมีความผิดโทษประหารชีวิต เค้าใช้ชีวิตแบบลำบาก โดนโซ่ตีตรวน เขาต้องมาใช้ชีวิตในเรือนจำบางขวาง วันเวลาผ่านไปเขาคิดเสมอว่า “เกิดมาชาติเดียว ยังไงก็ตาย” เขาเปลี่ยนความคิดโดยไม่คิดอะไร พยายามหาความสุข โดยการเล่นกีฬาที่อยู่ในเรือนจำ เขาคิดว่าวันหนึ่งเขาคงได้รับการอภัยโทษจากโทษประหารชีวิต มาเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต
เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดเขาได้รับอิสระภาพเมื่อศาลสั่งยกฟ้องให้เขาได้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาคิดว่าชีวิตในคุกไม่เพียงแต่จำกัดอิสระภาพ แต่กลับกลายเป็นการให้ความรู้ต่างๆ ในเรื่องที่ไม่ดี นั่นคือการทำผิดอย่างไรให้เนียนมากยิ่งขึ้น พอวันที่เขาพ้นโทษออกมา ไม่ใช่ชีวิตเขาจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนอย่างที่ใครๆ เข้าใจ….แต่เขากลับทำตัวในแบบที่เขาต้องการเหมือนเดิม โดยคิดว่า “ไม่ต้องทำชั่ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำดี”
จุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต่างจากจุดแรกที่เขาโดนคุมขังต้องเป็นนักโทษรอวันประหารชีวิต เขาได้รู้จัก “ธรรมะ” โดยทั้งชีวิตของเขา แอนตี้การสวมชุดขาว การนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม การเข้าวัดฟังธรรม ไม่ชอบสวดภาษาบาลีเป็นอย่างมาก แต่ในที่สุดทำให้เขาได้พบกับพระอาจารย์ท่านหนึ่ง คือพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ พระอาจารย์บอกกับเขาว่า เราไม่จำเป็นต้องเดินจงกลม ไม่จำเป็นต้องหลับตาเมื่อนั่งสมาธิ
และสิ่งที่เขาได้จากการนั่งสมาธินั่นก็คือการรีรันความเลวของตนเองที่เคยทำมา ทำให้เขาได้คิดว่าเขาจะทำเพื่ออะไรเพื่อใคร ทำเพื่อพ่อแม่ ทำเพื่อคนอื่นบ้าง เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ของชีวิตตนเองให้คนอื่นๆ ได้คิด
จากชีวิตของคนที่เคยผ่านจุดที่แย่ที่สุดของชีวิต แต่ก็ไม่คิดที่จะปรับปรุงตัว กลับทำทุกอย่างแบบตามใจ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบของใคร …แต่เมื่อเขาได้รู้จัก “ธรรมะ” ทำให้เขาได้เปลี่ยนตัวเองขึ้นมาทันที และสามารถแยกได้ระหว่าง คำว่า ดี-เลว
ที่มาจากรายการเจาะใจ ออกอากาศวันที่ 7, 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 22.30 น.