พลังแห่งการอ่าน..จากภาพยนตร์

เมื่อคืนวันเสาร์บังเอิญเปิดทีวี ไปเจอภาพยนตร์ที่ไทยพีบีเอสนำมาฉาย เรื่อง Gifted Hand กะว่าจะนอนดูง่วงๆ ก็จะเลิก แต่กลับเป็นว่า ต้องดูจนจบ ติดตาติดใจจนตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นพอมีเวลาจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อ่านต่อให้ได้
ภาพยนตร์เรื่อง Gifted Hand สร้างจากเรื่องจริงของนายแพทย์ Benjamin Solomon Carson ที่เขียนเป็นหนังสือและพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ดูจากภาพยนตร์แล้ว ตามหาอ่านชีวประวัติของหมอ ที่น่าจะเป็นพลังใจให้กับเด็กที่ขาดโอกาส ได้เป็นอย่างดี จึงนำมาเล่าต่่อให้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้ดู
ben Ben เป็นเด็กผิวสี อายุ 8 ปี อยู่กับแม่และพี่ชายอย่างยากจน ในเมือง Detroit แม่เรียนจบแค่เกรด 3 อ่านหนังสือไม่ออก และแต่งงานเมื่ออายุเพียง 13 ปีเมื่อมีลูก 2 คน ถูกสามีทอดทิ้ง จึงเลี้ยงลูกตามลำพัง โดยทำงานเป็นคนทำความสะอาดและเลี้ยงเด็ก  พยายามประหยัดทุกอย่างเพื่อส่งเสียให้ Ben และพี่ชายเรียนหนังสือ จะได้ไม่มีชีวิตเหมือนตนเอง แต่ Ben กับพี่ชายเรียนหนังสือแย่มาก ไม่เคยสอบได้เลย โดนดูถูกเหยียดหยามจากเพื่อนในโรงเรียน แม่ก็พยายามให้กำลังใจลูก บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้   และบอกว่า “Do your best and let God do the rest”   Benกับพี่ชายเมื่อกลับมาจากโรงเรียน ก็จะดูแต่ทีวี ครั้งหนึ่งแม่ไปทำความสะอาดให้กับบ้านของศาตราจารย์คนหนึ่ง เห็นบนโต๊ะมีหนังสือ บนพื้นก็มีแต่หนังสือกองสุมอยู่ มองไปรอบๆ เงยหน้าขึ้นสูงก็เห็นแต่หนังสือ  จึงถามศาสตราจารย์ว่า ท่านอ่านหมดนี่เลยหรือ ศาสตราจารย์ตอบว่า ก็เกือบหมด ..คืนนั้นแม่กลับบ้านไปพบภาพเดิมๆ ที่ Ben เอาแต่ดูละครจากทีวี  จึงปิดทีวี และตั้งกฎว่า ต่อไปนี้อนุญาตให้ดูทีวีได้เดือนละสองรายการ   แต่ละสัปดาห์ให้ไปห้องสมุด อ่านหนังสือและเขียนรายงานสรุปส่งแม่สัปดาห์ละ 2 เล่ม  จากความยากจน ทำให้ครอบครัวไม่มีโอกาสเดินทางไปที่อื่นๆ แต่เขาพบว่า เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ พบใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้ จากหนังสือ   Ben เริ่มสนุกกับการอ่าน และทำให้เขาอยากรู้ อยากอ่านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาอ่านหนังสือทุกประเภท และพบว่า เขามีจินตนาการอยู่ในหัวมากมาย เขาสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่อ่านในแต่ละเล่มได้  สามารถสร้างภาพจากสิ่งที่อ่านได้  เขาสามารถดึงเอาสิ่งที่เคยอ่าน มาใช้ได้เมื่อต้องการ  Ben เริ่มมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอให้ได้ตามที่เขาใฝ่ฝัน
ครั้งหนึ่ง Ben เก็บก้อนหินที่แปลกกว่าก้อนอื่นๆ ได้ในระหว่างเดินไปโรงเรียน เขาหยิบขึ้นมา และเมื่อไปห้องสมุด ตรงไปถามบรรรณารักษ์ว่า มีหนังสือเกี่ยวกับก้อนหินหรือไม่ บรรณารักษ์ที่หน้าตาสวยแต่ใส่แว่น มองลอดแว่นและจดเลขให้ (โดยไม่เห็นได้ใช้ opac เลย..!!) และวันหนึ่งในห้องเรียน ครูก็หยิบก้อนหินเหมือนกับที่ Ben พบ ถามขึ้นมาว่า ใครรู้บ้างว่านี่คืออะไร ไม่มีใครตอบเลย แต่ Ben ค่อยๆ ยื่นมือขึ้นเหมือนจะยกมือ แต่ไม่กล้า เพราะไม่เคยมีความมั่นใจในตนเองเลย ครูจึงเรียกถาม  Ben ตอบตั้งแต่ชื่อของก้อนหิน ไปจนว่ามันเกิดจากอะไร มีความเป็นมาอย่างไร..จนทำให้ครูทึ่งและเรียกพบหลังเลิกเรียน Ben เริ่มรู้สึกว่า ตนเองไม่ได้เป็นคนโง่  จากเด็กที่เรียนได้ที่สุดท้ายของห้อง Ben กลายเป็นเด็กที่ได้รับเกียรติบัตรเมื่อเรียนจบ high school ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับการเรียนในโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนเด็กผิวขาว
อย่างไรก็ตาม ความยากลำบากในการดำรงชีวิต และการถูกดูถูกเหยียดหยามในโรงเรียน ทำให้ Ben เป็นคนมีอารมณ์ร้อน  Ben เคยจะตีแม่เพียงแค่เรื่องที่แม่ไม่เห็นด้วยกับการเลือกเสื้อผ้า  Ben ชกเพื่อนร่วมห้องเมื่อถูกเพื่อนพูดดูถูกเรื่องความโง่ของเขา  อีกครั้งหนึงเขาเกือบฆ่าเพื่อน โดยการแทง เมื่อเพื่อนมาพูดดูถูกเรื่องการฟังเพลงคลาสสิกของเขาว่าโบราณ และพยายามจะเปลี่ยนคลื่นวิทยุ แต่โชคดีที่แทงไปถูกเข็มขัด จนมีดหัก Ben ตกใจมากวิ่งกลับบ้านและขังตัวเองไว้ในห้องน้ำและคัมภีร์ไบเบิล สวดขอให้พระเจ้าช่วยนำเอาความใจร้อน อารมณ์ร้ายของเขาไปที จนได้พบประโยคหนึ่งว่า ” Better a patient man than a warrior, a man who controls his temper than one who takes a city.” (ใครแปลได้ ช่วยแปลที!!) จน Ben ได้เรียนรู้การควบคุมอารมณ์ของตนเองได้สำเร็จ
หลังจากจบ High school Ben ได้เดินตามความฝันที่จะเป็นหมอ แต่ครอบครัวยากจน เขาจึงทำงานตลอดเพื่อเก็บเงิน และได้รับทุน จึงได้เข้าเรียนใน มหาวิทยาลัย Yale และจบการศึกษาในสาขาจิตวิทยา และเข้าศึกษาต่อใน School of Medicine ใน มหาวิทยาลัย Michigan เลือกเรียนศัลยกรรมระบบประสาท เมื่อเรียนจบและแต่งงานจึงย้ายไปอยู่ที่ Johns Hopkins University เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมประสาท เป็นผู้อำนวยการระบบประสาทเมื่ออายุเพียง 33 ปี  ในปี 1987 ได้ทำการผ่าตัดฝาแฝดเยอรมัน อายุเพียง 7 เดือน ที่มีส่วนศีรษะติดกันได้สำเร็จ โดยใช้ทีมแพทย์และพยาบาลถึง 50 คน ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาในการผ่าตัดถึง 22 ชั่วโมง และประสบความสำเร็จ และได้ทำการผ่าตัดฝาแฝดที่มีลักษณะเดียวกันอีกหลายคู่
นายแพทย์ Benjamin Solomon Carson ได้ตั้งมูลนิธิ Ben Carson Foundation Scholarship ให้ทุนกับเด็กที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์
หนังสือที่เขียนโดย นายแพทย์ Benjamin Carson เพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ชีวิต และความเชื่อในพระเจ้า เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น เช่น
1. Gifted Hand: the Ben Carson Story น่าจะมีการพิมพ์มากกว่า 20 ครั้ง (มี Edition ที่เป็น Kids Edition ด้วย)
2.Think Big : Unleashing Your Potential for Excellence
3. Take the risk
4.The Big Picture
น่าอ่านทุกเล่ม ห้องสมุดยังไม่มีเลย
ตอนเช้าวันอาทิตย์ขณะพาลูกไปเรียนพิเศษ ก็เล่าหนังเรื่องนี้ให้ฟัง เพียงต้องการให้ลูกเห็นพลังของการอ่าน ว่าจะสามารถนำพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการและนำไปสู่การค้นพบตัวเอง และการตั้งใจมุ่งมั่นพร้อมกับความเชื่อในศาสนา จะเป็นเครื่องนำพาให้เขาประสบความสำเร็จในทางของเขาได้..น้องๆ ที่ยังมีลูกตัวน้อยๆ อย่าลืมปลูกฝังความรักการอ่านให้กับลูก เริ่มตั้งแต่ยังเด็กๆ (เพราะเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาสะสม) เราอยู่ห้องสมุดมีหนังสือเด็กดีๆมากมาย

4 thoughts on “พลังแห่งการอ่าน..จากภาพยนตร์

  • ถ้าเราสามารถปลูกฝังความรักการอ่านให้กับลูกได้ เท่ากับเราได้ให้อาวุธติดตัวลูกไปตลอดชีวิต

  • ได้ดูเหมือนกันเลยค่ะ. พอดีวันนั้นเปลี่ยนช่องจากประกวดร้องเพลงแล้วเจอเรื่องนี้
    ดูแบบไม่มีโฆษณาเลยไม่ได้เปลี่ยนช่องไปไหน แล้วก็ติดพันจนจบ
    ดูแล้วรู้สึกว่า. ตัวเองยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่า. เสียดายเวลาที่ผ่านมา.
    ชอบประโยคที่แม่ของคุณหมอ ที่บอกว่า you can do everythings anyone can do, but you do it better
    ประทับใจท่านมากกกกก เป็นคุณแม่ที่ประเสริฐจริงๆ
    วันรุ่งขึ้นไปค้น youtube ดูอีกรอบ. ไปอ่านประวัติต่อและก็อยากหาหนังสืออ่านเหมือนกันค่ะ
    ไม่รู้จะไปหาอ่านที่ไหน. ไปที่ร้านก็บอกว่าหนังสือเก่ามากไม่มีขายแล้ว
    ถ้ามีข้อมูลรบกวนช่วยแนะนำหน่อยได้ไหนว่าว่าหนูจะไปหาซื้อที่ไหน. ขอบคุณมากค่ะ

  • อ่ะ!! จัดให้
    1.Gifted hands: the ben carson story ISBN: 9780310214694 Bt. 226
    2.Think Big : Unleashing Your Potential for Excellence ISBN : 9780310269007 Bt.525
    3.The big picture: getting perspective on what s really important
    ISBN: 9780310238348 Bt.419
    ทุก Title ตามหาได้ที่ ASIA BOOKS ส่วนเล่ม 3 ตามที่เจ้าบ้านว่า ม่ะมี
    แต่คาดว่าถ้าใครสนใจเค้าน่าจะหาให้ได้เพราะบน Amazon.com ยังมี จร้าาาาา
    ที่ASIA BOOKS ยังมีเล่มอื่นๆ ของคุณหมอ Carson ด้วยจ้ะ ^^

  • เมื่อเช้าพี่สาวเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เลยกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง เพราะเป็นบล๊อกที่ค้างไว้เพราะต้องการอ่านแบบจริงใจ
    หนูกับกับอ้อจะมีปัญหาคล้ายๆกันคือ ลูกอ่านหนังสือนอกห้องเรียนจำนวนมาก รู้เรื่องราวรอบตัวเยอะแยะ แต่หนังสือเรียนแทบไม่หยิบ น้องเต็มมีหนังสือเรียนส่วนหนึ่งเป็นภาษาอังกฤษ อ่านแล้วมีความรู้สึกว่าน่าทึ่งในเนื้อหา ส่วนน้องโม (ลูกอ้อ) เคยมีเรื่องน่าทึ่งแบบตอบคำถามได้ และคำตอบนั้นต่างไปจากเพื่อน และโชคดีที่ครูน่ารัก ถามเหตุผลว่าทำไมจึงตอบเช่นนั้น
    ส่วน ”Better a patient man than a warrior, a man who controls his temper than one who takes a city.” นั้นเคยอ่านผ่านๆ แปลประมาณว่า การตีเมืองได้นั้นต้องทำลายชีวิตมากมายและชนะผ่านมือคนอื่น แต่การปกครองจิตใจตนเองคือการชนะตัวเองด้วยตนเองและไม่ทำให้ใครบาดเจ็บเลย จึงยิ่งใหญ่กว่า ยาวไปหน่อยจึงขอแปลแบบสรุปความที่นำมาจากธรรมะของท่านมิตซูโอะว่า “ชนะใครไม่เท่าชนะใจตนเอง”
    ส่วนหนังสือจะไปหาๆ เข้าห้องสมุด น่าจะมีคนสนใจอ่านบ้าง

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร