เชียงใหม่ก็ประทับใจ เชียงรายก็ประทับจิต
จากการที่ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานห้องสมุด ม.เชียงใหม่ กับม.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายเมื่อปลายเดือนกุมภาที่ผ่านมานั้น สำหรับฉันถือว่าเป็นการได้ไปเยี่ยมเยือนบ้านเพื่อนในแวดวงอาชีพเดียวกัน ได้ไปเห็นกับตาบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเรามีความเหมือนหรือความต่างกันอย่างไรบ้าง นับเป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงานที่ได้ไปในครั้งนี้ (ที่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง)
เชียงใหม่นั้นเปรียบเสมือนเมืองหลวงของภาคเหนือ บริเวณมหาวิทยาลัยกว้างขวาง สำนักหอสมุดก็มีพื้นที่กว้าง แต่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ป้ายบอกแต่ละพื้นที่การให้บริการชัดเจนเห็นง่าย มีบุคลากรเป็นร้อยเช่นกัน
ส่วน ม.แม่ฟ้าหลวงภูมิทัศน์ด้านหน้ามหาวิทยาลัยสวยงามมาก ในส่วนของห้องสมุด (ศูนย์บรรณสารฯ) ก็กว้างพอสมควร สวยงามเช่นกัน มีมุมที่ตกแต่งกระจุ๋มกระจิ๋มสบายตา
จากที่ไปดูงานฉันเพิ่งจะทราบว่าสำนักหอสมุดของ มช.นั้นยังจัดหมวดหมู่หนังสือด้วยระบบดิวอี้อยู่ หลงเข้าใจผิดมาตั้งนานว่าห้องสมุดมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศนี้ทุกที่ใช้ระบบ LC ในการจัดหมวดหมู่หนังสือ แป่ว..!!
แล้วก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันอีกแหละว่าระบบฐานข้อมูลที่ใช้สืบค้นน่ะมีระบบอื่นๆ ด้วย อย่างของม.แม่ฟ้าหลวงใช้ระบบ VTLS แป่ววว…!!! (ของหอสมุดเราใช้ระบบ Millennium) เหมือนอย่างคราวที่แล้วที่ฉันไปสัมมนา PULINET วิชาการที่ ม.เทคโนโลยีสุรนารีก็เช่นกัน ที่ห้องสมุดเขาใช้ระบบ RFID ในการยืม-คืน ทำเอาฉันงงกลับมาครั้งหนึ่งแล้ว แป่วววว…!!! (สรุปว่าฉันยังไม่รู้ระบบที่เกี่ยวกับวิชาชีพนี้อีกมากแหงๆ) แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยๆมางมหาเอาเพราะเรามันเต่าทางเทคโนโลยีนี่นา
คราวนี้ขอออกจากห้องสมุดบ้างเริ่มจากเชียงใหม่ ไปขึ้นดอยสุเทพด้วยรถสองแถว (ซิ่ง) ตามทางโค้งจนลืมนับว่ากี่โค้งมึนหัวตึ้บจนคายของเก่าทิ้งเมื่อกลับลงมา! จากนั้นหมู่เฮาก็ไปลิ้มชิมรสของข้าวซอยซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของจาวเหนือที่ขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง รสชาดก็แปลกไปอีกแบบแต่ไม่ประทับใจ๋ข้าเจ้านัก (กินเป็นครั้งแรกในชีวิต) หลังจากนั้นได้ไปแวะชมพระตำหนักดาราภิรมย์ (ของพระราชชายา เจ้าดารารัศมีในรัชกาลที่ 5) ต่อด้วยการไปชมงานราชพฤกษ์ในยามบ่ายแดดเปรี้ยง!!ถึงใจ ประทับใจไปอีกแบบ ยามค่ำท่านหัวหน้าคณะพาไปกินขันโตกแบบหะรูหะรา (เป็นครั้งแรกในชีวิตอีกแหละ) ถ้าไม่ได้ไปเสียดายแย่..เพราะถ้าให้ไปรับประทานเองน่ะเลิกคิด!! อาหารปากอร่อยสมราคาพร้อมอาหารตาพาเพลิดเพลิน
วันต่อมาไปแวะวัดร่องขุ่นประเดี๋ยวหนึ่ง ซึ่งเป็นทางผ่านก่อนถึงม.แม่ฟ้าหลวง ยามบ่ายแดดร้อนเปรี้ยง!!!อีกเช่นเคย หมู่เฮาก็ไปยังพระตำหนักดอยตุง เดี๋ยวนี้ไฮเทคมากไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่พานำชมและอธิบายไปทีละจุดที่ละห้องอย่างแต่ก่อน(เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง) แต่มีเครื่องบันทึกข้อมูลพร้อมหูฟังให้คนละชุดแจก แล้วเดินไปชมตามจุดต่างๆแล้วกดฟังรายละเอียดเองตามต้องการ การตกแต่งสวนบริเวณพระตำหนักสวยมาก คนที่มีกล้องถ่ายภาพก็ถ่ายกันสนุกสนาน
สำหรับฉันขอบันทึกไว้ด้วยสายตาและความทรงจำก็พอแล้ว ที่ประทับใจฉันอีกอย่างคือการนั่งมองต้นไม้และดอกไม้ข้างทางเพลินตาดีเห็นตามป่าเขาสูงมีต้นไม้ดอกสีขาวพราวทั้งต้นเป็นระยะๆแต่ไม่รู้ว่าต้นอะไร จนไปได้คำตอบที่ตรงทางขึ้นพระตำหนักดอยตุงนั่นเอง นั่นคือ ดอกเสี้ยว (คล้ายกับดอกชงโค) เวลาออกดอกจะไม่มีใบเลย แล้วก็ได้พบกับ จำปีสิรินธร หอมระรวยอยู่ตรงข้ามกับต้นเสี้ยวตรงที่จอดรถแล้วลงเดินขึ้นพระตำหนักดอยตุงนั่นแหละ เคยดูแต่ภาพในหนังสือคราวนี้ได้พบต้นพร้อมดอกจริงๆกับตาซะที
2 thoughts on “เชียงใหม่ก็ประทับใจ เชียงรายก็ประทับจิต”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
พี่ตาเห็นด้วยกับสุนีย์ ว่าไปเชียงใหม่ก็ประทับใจ ไปเขียงรายก็ประทับจิต บางสิ่งบางอย่างพี่ตาไม่พูดถึงในบล๊อกของพี่ตา แต่สุนีย์ได้เล่าให้ฟังในบล๊อกนี้ ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวจนครบถ้วน เพราะพี่ตาไม่เขียนหลายตอน พี่ตาอ่านของสุนีย์รู้สึกได้อรรถรสมากกว่า พี่ตาก็เพิ่งไปเป็นครั้งแรกเหมือนกัน นับว่าเป็นกำไรชีวิตที่ได้ไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ สิ่งที่เราได้ไปเห็น และความประทับใจสถานที่ต่าง ๆ เราก็นำมาเล่าสู่ให้ลูกหลานฟังได้ พี่ตาชอบทุกที่ที่ได้ไปมา
เวลาอ่านหนูออกเสียงคำว่า แป่ว ๆ ๆ ด้วยนะพี่ …