สืบเนื่องจากปีก่อนน้องแทนมีเนื้องอกเล็กๆ ในลูกตา ระหว่างที่รักษาทั้งเนื้องอก และภูมิแพ้ตา ที่  รพ. ศิริราช เวลาหมอให้อ่านตัวเลขสำหรับวัดสายตา น้องแทนไม่เคยอ่านได้หมดเลย คิดเหมือนกันว่าคงมีปัญหาเรื่องสายตา  แต่เห็นว่าก็ยังอ่านหนังสือได้ เลยละเลยมาทั้งปี มียาแก้แพ้ และน้ำตาเทียม ก็ใช้แค่เมื่อมีอาการ ไม่ได้ทำสม่ำเสมอ เวลาค้นก็ปล่อยให้เขาถูตาเองก่อน เห็นหลายครั้งนัก ถึงจับมาหยอดตา..ถือเป็นการละเลยอย่างมาก… ไม่รู้ว่าผลจากการละเลยนั้นจะส่งผลเสียที่แก้ไขไม่ได้…
มาเมื่ออาทิตย์ก่อนตัวเองไปวัดสายตาสำหรับคนแก่ เลยให้ที่ร้านวัดสายตาลูกด้วย ผลออกมาสั้นมาก ถึง 300 กว่า เราก็ตกใจแต่ที่ร้านบอกว่า เครื่องของที่ร้านอาจจะ over ไปก็ได้ เมื่อวานเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลวัดไร่ขิง ได้รับการตรวจอย่างละเอียด โดยเครื่องมือหลายแบบเลย ผลปรากฏว่า สายตาสั้น 175 และ 225  เอียง 50 และ มีอาการตาขี้เกียจ  หมอบอกว่า เด็กที่มีอาการภูมิแพ้ที่ตา (ซึ่งเป็นกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง) มีโิอกาสสายตาสั้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขยี้ตา เมื่อเกิดอาการคัน สารภูมิแพ้ที่ออกมาที่ตาจะแตกตัว และเมื่อขยี้ตาจะทำให้กระจกตาบางลงอย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำให้สายตาเสียแล้ว อาจจะให้เกิดแผลที่กระจกตาอีกด้วย ดังนั้นห้ามขยี้ตาเด็ดขาด โดยเมื่อเกิดอาการคัน
1. ให้ล้างตาด้วยน้ำดื่มธรรมดา โดยให้เด็กล้างมือให้สะอาด เทน้ำดื่มใส่มือแล้ว แล้วก้มหน้ากระำพริบตาในน้ำ
2. หยอดน้ำตาเทียม เพื่อลดอาการระคายเคือง  (น้ำตาเทียม มีทั้งเป็นขวด เปิดใช้แล้วต้องใช้ภายใน 1 เดือน  และเป็นหลอดบีบเล็ก ๆ  ใช้หมดภายใน 1 วัน)
3. หยดยาแก้แพ้  (ต้องให้หมอเป็นคนสั่งนะ เพราะยาบางตัวมีสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นอันตราย และมีจำกัดในการใช้ค่อนข้างมาก)
4. ประคบตาด้วยความเย็นจะลดอาการคันได้
หมอนัดอีกสองเดือน บอกว่าให้เอาแว่นตามาให้ดู และจะตัองตรวจอีกครั้งว่า จะต้องปิดตาหรือไม่ เพื่อรักษาตาขี้เกียจ…
อย่าลืมนะ อย่าขยี้ตาพร่ำเพรื่อ กระจกตาอาจเป็นแผลไ้ด้  และยาหยอดตา ต้องใช้อย่างระมัดระวังที่สุึด  ยาหยอดตา เมื่อเปิดขวดแล้ว ใช้ได้แค่เดือนเดียว  ถ้าใช้ไม่หมดให้ทิ้งไปเถอะ อย่าคิดว่าเรื่องเล็กน้อยไปร้านขายยา ซื้อยาเอง   ไปหาหมอเฉพาะทางเถอะ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้