เทศน์มหาชาติ

ช่วงก่อนออกพรรษาได้มีท่านผู้รู้แนะนำให้ทำบูญโดยการเป็นเจ้าภาพการเทศน์มหาชาติ โดยระบุว่าให้จองกัณฑ์ที่ 11 การจองเป็นเจ้าภาพเทศน์มหาชาติต้องจ่าย 1,000 บาท และใช้ดอกบัว 12 ดอก  ก็ได้จับจองเป็นเจ้าภาพเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นก็ได้หาหนังสือเกี่ยวกับเทศน์มหาชาติมาอ่าน เพราะอยากทราบข้อมูลว่าเทศน์มหาชาติมีทั้งหมดกี่กัณฑ์ แล้วกัณฑ์ที่ 11 ชื่อกัณฑ์อะไรหนอ อ่านแล้วได้ความว่าดังนี้
การจัดงานเทศน์มหาชาติ คนไทยเราเชื่อกันว่าเป็นการทำบุญใหญ่ ได้กุศลแรง  การเทศน์มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก ไม่ใช่เป็นการเทศน์แบบธรรมดาเหมือนการเทศน์ทั่วไป การเทศน์มหาชาติมีความพิเศษตรงที่มีทั้งธรรมเนียม ทำนอง และธรรมะ ผสมผสานอยู่ด้วย ธรรมเนียม คือ ประเพณี แบบแผน แบบอย่างของการแสดงธรรม เช่น พิธีกรรม พิธีการ หรือแม้แต่การตกแต่งเครื่องบูชา ส่วน ทำนอง การเทศน์มหาชาติมีลีลาที่ไพเราะ มีทั้งแหล่นอกและแหล่ใน และในเรื่องของธรรมะ นอกจากปรากฎโดยตรงในเนื้อเรื่องแล้วสิ่งที่แฝงอยู่ในทุกกระบวนการของการดำเนินงาน ได้แก่ การรู้รักสามัคคี การเป็นผู้รู้จักเสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์เพื่อลดความตระหนี่ และสร้างเสริมปัญญา ซึ่งจะเกิดจากการฟังสิ่งที่ประเสริฐ
ประเพณีการเทศน์มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก (มีทั้งหมด 13 กัณฑ์)  มีมาแต่โบราณกาล เหตุที่นับถือว่าเรื่องมหาเวสสันดรชาดกสำคัญกว่าชาดกเรื่องอื่นๆ เพราะบารมีทั้งสิบอย่างของพระโพธิสัตว์         ปรากฎบริบูรณ์ในชาตินี้ จึงเรียกกันว่า “มหาชาติ” และถือกันว่าหากผู้ใดได้ฟังเทศน์มหาชาติแล้วจะได้ผลานิสงส์มาก
กัณฑ์ที่ 1 กัณฑ์ทศพร (พรสิบประการที่พระอินทร์ประสาทให้แก่พระนางผุสดี) พระนางผุสดีเป็นผู้สั่งสมบารมีไว้มากได้ตั้งจิตอธิษฐานมาแต่เดิมว่า “ขอให้ได้เป็นพุทธมารดา” เมื่อพระนางจะจุติจากสวรรค์ได้ขอประทานพร 10 ประการ ดังนี้ 1. ขอให้พระนางได้ประทับในปราสาท พระเจ้าสีวีราช  2. ขอให้ดวงเนตรทั้งสองมีสีดำประดุจตาลูกเนื้อทราย  3. ขอให้มีพระขนงเขียวดุจสร้อยคอนกยูง  4. ขอให้มีพระนามว่า ผุสดี  5. ขอให้พระโอรสทรงพระเกียรติยิ่งกว่ากษัตริย์ทั้งหลาย และมีพระราชศรัทธาในการกุศล  6. ขออย่าให้มีพระครรภ์ปรากฎนูนดังสตรีสามัญ  7. ขออย่าให้มีพระถันทั้งคู่ดำ ในเวลาทรงครรภ์ และเมื่อประสูติแล้วขออย่าให้หย่อนยาน  8. ขอให้เส้นพระเกศาดำเป็นมันดุจสีปีกแมลงค่อมทอง 9.ขอให้พระฉวีละเอียดดุจดังทองคำธรรมชาติ 10.ขอให้ทรงมีอำนาจปล่อยนักโทษประหารชีวิตให้พ้นโทษ
กัณฑ์ที่ 2 กัณฑ์หิมพานต์ (ป่าที่มีหิมะปกคลุมในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย) เนื่องจากพราหมณ์ทั้ง 8 จากเมืองกลิงคราษฎร์มาทูลขอช้างปัจจัยนาเคนทร์จากพระเวสสันดร และพระเวสสันดรก็พระราชทานให้ ทำให้ประชาชนโกรธแค้น พากันไปกล่าวโทษกับพระเจ้ากรุงสญชัยขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากวัง
กัณฑ์ที่ 3 กัณฑ์ทานกัณฑ์ (ตอนว่าด้วยการบริจาคสัตตสดกมหาทาน) สัตตสดกมหาทาน คือ ทานพิเศษที่ทรงบริจาคในคราวนั้นมี 7 อย่าง อย่างละ 700 คือ ช้าง 700, ม้า 700, รถ 700, สตรี 700, แม่โคนม 700, ทาสชาย 700 และ ทาสหญิง 700 เมื่อพระเวสสันดรทรงบริจาคสัตตสดกมหาทานแล้ว จึงเสด็จนำพระนางมัทรีและพระโอรสธิดาไปทูลลาพระเจ้ากรุงสญชัยไปบวชที่เขาวงกต
กัณฑ์ที่ 4 กัณฑ์วนประเวศน์ (สี่กษัตริย์เสด็จยังเขาวงกต) พระเวสสันดรและพระมเหสีพร้อมด้วยพระโอรสธิดาเสด็จไปยังเขาวงกตผ่านตำบลต่าง ๆ มาโดยลำดับเมื่อถึงแคว้นเจตราษฎร์ กษัตริย์เจตราษฎร์จึงตามส่งเสด็จจนถึงประตูป่าและตรัสสั่งให้พรานเจตบุตรเฝ้าระวังภัยอย่าให้ใครรบกวน  เมื่อทั้ง 4 พระองค์เสด็จถึงเขาวงกตได้พบอาศรมบทที่พระวิษณุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ จึงทรงอธิษฐานเพศเป็นดาบสทั้ง 4 พระองค์อยู่ที่เขาวงกตนั้น
กัณฑ์ที่ 5 กัณฑ์ชูชก (ตอนว่าด้วยเฒ่าชราตาชูชก) เฒ่าชูชกซึ่งมีรูปร่างอัปลักษณ์ได้นำเงินที่ขอทานมาได้้ไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้ ครั้นเพื่อนเห็นว่าชูชกหายไปนานไม่ส่งข่าวคราวก็คิดว่าคงตายแล้วจึงนำเงินที่ฝากมาใช้จ่าย เมื่อชูชกมาทวงเงินคืน พราหมณ์สองผัวเมียไม่มีเงินให้ จึงยกลูกสาวชื่อว่าอมิตตดาให้ชูชกไป นางอมิตตดาปรนนิบัติตาเฒ่าชูชกอย่างดี ทำให้หญิงสาวในหมู่บ้านต่างไม่พอใจนางอมิตตดาเพราะถูกสามีของตนเปรียบเทียบกับนางอมิตตดา นางอมิตตดาจึงเลิกทำงานบ้านและให้ชูชกไปขอ 2 กุมารมาเป็นทาส
กัณฑ์ที่ 6 กัณฑ์จุลพน (ป่าเล็กหรือป่าโปร่ง) ชูชกจึงเดินทางไปเมืองสีพีเพื่อถามหาพระเวสสันดรแต่ถูกชาวเมืองไล่จนวิ่งเตลิดหนีเข้าป่าไป พบหมาล่าเนื้อของพรานเจตบุตรวิ่งไล่จึงวิ่งหนีขึ้นต้นไม้ พรานเจตบุตรตามมาทันก็เงิ้อหน้าไม้หมายจะฆ่า แต่ชูชกโกหกว่าเป็นทูตมาเชิญพระเวสสันดรกลับวัง นายพรานเจตบุตรจึงต้อนรับขับสู้ชูชกอย่างดี
กัณฑ์ที่ 7 กัณฑ์มหาพน (ป่าใหญ่หรือไพรกว้าง) ชูชกออกเดินทางตามคำแนะนำของพรานเจตบุตรจนมาถึงอาศรมพระอัจจุตฤาษี โกหกว่าตัวเองเป็นพราหมณ์ที่คุ้นเคยกับพระเวสสันดรมาก่อน อัจจุตฤาษีก็หลงเชื่อชี้ทางให้ชูชก
กัณฑ์ที่ 8 กัณพ์กุมาร (ตอนว่าด้วยชูชกเข้าเฝ้าทูลขอสองกุมาร กัณหา ชาลี) เมื่อพระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดรทูลขอพระชาลีและพระกัณหา โดยยกเอาแม่น้ำทั้งห้าสายมาบรรยาย พระเวสสันดรก็ยกให้ แต่สองกุมารได้หนีไปซ่อนตัวในสระบัว พระเวสสันดรจึงทรงเรียกพระโอรสและพระธิดาขึ้นจากสระ โดยทรงอุปมาว่าพระโอรสและพระธิดาเปรียบเหมือนสำเภาทองที่จะพาพระองค์ข้ามห้วงวัฏสงสารได้ สองกุมารจึงยอมไป ชูชกเมื่อได้ตัวสองกุมารมาแล้วก็เอาเถาวัลย์ผูกพระกรทั้งสองพระองค์แล้วก็ตีต่อหน้าพระเวสสันดรอย่างไม่ปรานี
กัณฑ์ที่ 9 กัณฑ์มัทรี (พระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ กลับมาไม่พบชาลี กัณหา เข้าไปทูลถามพระเวสสัสดร ตัดพ้อต่อว่าแล้วสลบไป) เมื่อชูชกพาสองกุมารไปแล้ว พระอินทร์เกรงว่าถ้าพระนางมัทรีกลับมาแต่กลางวันอาจติดตามไปทัน จึงเนรมิตกายเป็นเสีอโคร่ง ราชสีห์มาขวางไว้ กว่านางจะกลับถึงอาศรมก็เป็นเวลาพลบค่ำ ครั้นกลับมาไม่เห็นสองกุมารก็เข้าไปถามจากพระเวสสันดร พระองค์ก็ไม่บอก นางจึงออกตามหาอยู่ตลอดคืนและสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นพระเวสสันดรได้บอกความจริงและขอให้พระนางช่วยอนุโมทนาด้วย
กัณฑ์ที่ 10 กัณฑ์สักกบรรพ  พระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์แก่มาขอพระนางมัทรี พระอินทร์ขอพระนางมัทรีได้แล้วก็ถวายคืน และขอมิให้พระราชทานให้คนอื่นอีก พร้อมทั้งให้พระเวสสันดรขอพรได้ 8 ประการ
กัณฑ์ที่ 11 กัณฑ์มหาราช ชูชกได้พาสองกุมารหลงเข้าไปในเมืองสีพี พระเจ้ากรุงสญชัยทอดพระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสอง จึงตรัสใช้ให้อำมาตย์นำตัวมาเฝ้า และทำการไถ่ตัวสองกุมาร ส่วนชูชกก็ได้รบพระราชทานรางวัลมากมาย แต่เพราะบริโภคอาหารมากไปจึงสิ้นใจเพราะอาหารไม่ย่อย
กัณฑ์ที่ 12 กัณฑ์ฉกษัตริย์ ว่าด้วยกษัตริย์ทั้ง 6 พระองค์คือ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระเวสสันดร พระนางมัทรี พระชาลีและพระกัณหา พบกันที่เขาคีรีวงกตแล้วบังเกิดความโศกเศร้าจนสลบไป พระอินทร์จึงบันดาลให้เกิดฝนโบกขรพรรษตกลงมา
กัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ พระเจ้ากรุงสญชัยพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ขอพระราชทานอภัยต่อพระเวสสันดร และเชิญพระเวสสันดรสึกจากเพศฤาษีกลับไปครองเมืองตามเดิม พระเวสสันดรจึงยกทัพกลับคืนนครสีพีปกครองไพร่ฟ้ามีความสุขสืบมา
จริง ๆ แล้วเนื้อหาในแต่ละกัณฑ์มีรายละเอียดที่สนุกสนานและน่าสนใจอีกมาก แต่หากจะให้พิมพ์ลงในนี้ทั้งหมด เกรงว่าไม่คนอ่านก็คนพิมพ์คงได้เบื่อกันไปข้างหนึ่ง หากผู้ใดที่อ่านแล้วสนใจอยากจะทราบเนื้อหาโดยละเอียด สามารถตามไปอ่านได้ตามชื่อหนังสือที่เขียนอ้างอิงไว้ด้านล่างนี้นะครับ
1. เทศน์มหาชาติ /โรงเรียนราชินี. กรุงเทพฯ : กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนราชินี.  2548.
2. อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอกหญิงอุไร (สิ่ม) อังกินันทน์.  กรุงเทพฯ : บริษัทสามเจริญพาณิชย์, 2542.

2 thoughts on “เทศน์มหาชาติ

  • ไว้มี่เรื่องดีดี แบบนี้ชวนทำบุญบ้างนะ ไม่ค่อยพบบ่อยนัก “เทศน์มหาชาติ ” เพราะใครได้ฟังแล้วจะเป็นนกุศล อย่างยิ่ง …

  • พี่แมวชอบกัณฑ์ 11กัณฑ์มหาราช สอนให้รู้จักความเมตตากรุณา ไม่ให้โลภมาก ให้รู้จักความพอดีๆ

Leave a Reply

Tags

blog CONSAL KPI PULINET การจัดการความรู้ การดูแลสุขภาพ การทำงาน การท่องเที่ยว การบริการ การปฏิบัติงานล่วงเวลา การประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตนเอง การพัฒนาบุคลากร การลงรายการ การศึกษาดูงาน การอ่าน การเรียนออนไลน์ กิจกรรมสำหรับเด็ก กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมห้องสมุด ความสุข ค่ายห้องสมุด งานบริการ ธรรมะ นวนิยาย นักเขียน บรรณารักษ์ บริการชุมชน ประกันคุณภาพ ภาพถ่าย ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบบห้องสมุดอัตโนมัติ วัด วันสำคัญ วารสาร สัมมนา สุขภาพ หนังสือ หนังสือบริจาค หนังสือและการอ่าน หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ ห้องสมุด ห้องสมุด 24 ชั่วโมง อาหาร