ความเกริ่นก่อนธงช้าง
เมื่อวันพุธที่ ๑ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อาจารย์ผู้ใหญ่ ๒ ท่าน คือ ร.ศ. กัญญรัตน์ เวชศาสตร์ และ ร.ศ. วีรฉัตร วรรณดี ได้เดินทางมาเยี่ยมชมความคืบหน้าของการจัดเตรียมห้องอนุสรณ์ศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ณ อาคาร ม.ล. ปิ่นฯ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร ในโอกาสนี้ ท่านได้กรุณาช่วยพิจารณาสิ่งของซึ่งมีผู้ใกล้ชิด มล.ปิ่นฯ ในคราวมาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้สอบถามถึง “เครื่องเล่นหมากรุกไฟฟ้า” ซึ่งคณะทำงานกำลังค้นหาท่ามกลางสรรพสิ่งที่มีอยู่เป็นจำนวนมากชิ้น อันอยู่ระหว่างการดำเนินการทางทะเบียน
ด้วยความระลึกจำอันเป็นเยี่ยมของท่าน เพียงชั่วเวลาไม่นานนักสายตาท่านก็ปะทะกับกล่องไม้ขนาดย่อมใบหนึ่ง เมื่อเปิดดูก็เป็นอันว่าพบ
ตัวหมากอยู่ภายในครบถ้วน ข้าพเจ้าร่วมสังเกตการณ์จึงตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าเครื่องเล่นนี้เป็นชนิดไฟฟ้า ก็ควรต้องมีช่องที่จะเสียบต่อกับอุปกรณ์ไฟชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นแน่ เมื่อลองมอง ๆ หา ก็ได้พบอุปกรณ์ต่อพ่วงเป็นตัวแปลงสัญญาณไฟ เมื่อลองเสียบเข้ากับช่องที่กล่องไม้ก็ปรากฏเข้ากันดี แต่ดูจากความเสื่อมสภาพภายนอกเข้าใจว่าขณะนี้ไม่น่าจะใช้งานได้แล้ว แต่ในทางเทคนิคเชิงช่างไฟฟ้าอาจมีวิธีปรับแปลง
การพ่วงต่ออย่างไร หรือไม่นั้น ยังมิได้ถามหาข้อมูล
ก็แล้วเรื่องที่เล่ามามีอะไรไปเกี่ยวข้องกับจั่วหัวเรื่อง …. นั่นสิ!!
เรื่องนี้ต้องบอกว่า เครื่องเล่นหมากรุกไฟฟ้า ห้องหม่อมฯ เป็นเหตุ โดยแท้
เพราะหากไม่มีผู้มาติดตามเครื่องเล่นชิ้นนี้
ก็อาจจะยังไม่ได้พบของสำคัญที่จะกล่าวต่อไป หรือ อาจจะอีกนานจึงพบ…!!
ผ้าแดงผืนนั้น
เมื่อมีโอกาสเปิดเข้ามาดูความเรียบร้อยข้าวของต่าง ๆ จึงถือโอกาสมองหาสิ่งของที่ระลึกอื่น ๆ ด้วยอาจารย์ทั้งสองท่านกำลังเตรียมข้อมูล เพื่อประกอบการจัดกิจกรรมวันสมเด็จพระมหาธีรราช และระลึกได้ว่ามีผ้าซึ่ง ม.ล.ปิ่นฯ เคยจัดพิมพ์เป็นบทกลอนพระราชนิพนธ์ไว้
ระหว่างที่ช่วยอาจารย์หาอยู่นั้น
สายตาข้าพเจ้าสะดุดเข้ากับผ้าผืนสีแดง จึงไม่รอช้าที่จะหยิบมาคลี่ออกดู
นาทีที่คลี่ผ้าสีแดงนั้นออก…อย่างเบามือ
ภาพช้างเผือกสีขาวปรากฏตรงหน้า ยังปิติตื้นตันชนิดไม่ต้องกล่าวถึง
บุคคลแรกที่ข้าพเจ้านึกถึงในทันที
อ.พฤฒิพล ประชุมผล ผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ธงชาติไทย โดยก่อนหน้านี้ท่านมีตำแหน่งนายกสมาคมนักอนุรักษ์เครื่องเล่นกระบอกเสียงและหีบเสียงไทยอีกตำแหน่งหนึ่ง
อ.พฤฒิพล นับเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องธงชาติไทย ผู้สามารถเรียกได้ว่า “นักธัชวิทยา”(vexillologist) ผู้ศึกษาเกี่ยวกับธงชาติไทย แสวงหาข้อมูล รวบรวมสรรพสิ่ง อันเนื่องด้วยธงชาติไทยอย่างครบถ้วนในทุกมิติ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
โดยไม่รอให้ความตื่นเต้นจางหาย
ข้าพเจ้ารีบบันทึกภาพธงช้างเผือกสีขาวบนพื้นสีแดงนั้น
และส่งข้อมูลสอบถามไปในกล่องข้อความ FB ของอาจารย์ทันที
ภายหลังจากที่ข้าพเจ้า “ส่งเพียงภาพ” ไม่มีสักคำถาม
คำตอบที่ได้รับกลับ จาก อ.พฤฒิพล
ทำให้ใจของข้าพเจ้าพองโต “เป็นที่สุด อีก ๑ วาระ”
ในเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องด้วยข้าวของที่พบเจอในห้องอนุสรณ์ของหม่อมท่าน
ขอบคุณโลกเสมือน…
ที่สร้างโอกาสแก่กัลยาณมิตร ส่งคุณูปการต่อหลายสิ่งอย่างในงานที่ทำเสมอมา
นับแต่บ่ายโมงเศษของวันนั้น การพูดคุยเมื่อต่างคนต่างสะดวกเป็นระยะ ๆ ทางออนไลน์ ล่วงเลยไปจน ๒ ยาม
การสอบถามข้อมูลเบื้องต้น นับแต่ชื่อเรียกธงชนิดนี้ ประวัติความเป็นมา ไปจนวิธีการอนุรักษ์เพื่อจัดแสดง กระทั่งแนะนำแหล่งร้านที่อาจารย์ใช้งานทำกรอบ รวมไปจนราคาประมาณการ ทุกอย่างครบถ้วน ด้วยความกรุณาเป็นที่สุดของอาจารย์ ดังเช่นทุก ๆ ครั้งที่ อ.เมตตา โดยปราศจากเงื่อนไขใดใดทั้งสิ้น
จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ … กราบคารวะด้วยความขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ …
ถ้าพี่ไม่สะดวก
แน่นอนบุคคลที่สองที่ข้าพเจ้าต้องนึกถึง คือ ท่านผู้อำนวยการสำนักหอสมุดกลาง ผ.ศ. นันทพล จั่นเงิน ซึ่งข้าพเจ้าจะต้องรายงาน
เรื่องสำคัญที่พบให้ท่านทราบ เพื่อหารือแนวทางในการดำเนินการ ภายหลังจากที่ได้ข้อมูลอย่างชัดเจนจาก อ.พฤฒิพลแล้ว
ผอ.โอ๊ต ของชาวเรานั้น ในทัศนะส่วนตัวของข้าพเจ้า ท่านเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความเอาใจใส่ มีความมุ่งมั่นต่อหน้าที่ที่ท่านอาสาเข้ามารับตำแหน่ง พยายามที่จะดำเนินตามวิสัยทัศน์ที่ได้นำเสนอ แต่ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายใน ภายนอกองค์กร ก็ย่อมเป็นธรรมดาว่าบางสิ่งอาจยังไม่บรรลุ หลายสิ่งท่านก็นำพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างเหมาะแก่กาลสมัย การทำความรู้จัก การเรียนรู้องค์กร รวมทั้งวัฒนธรรมต่างองค์กร ตลอดจนการคิดและวางแผนลงมือปฏิบัติจริง เพียงชั่วระยะเวลา ๔ ปี ประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย ย่อมส่งผลในเชิงปฏิบัติไม่มากก็น้อย จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ท่านได้กลับมาบริหารสานต่องาน ในวาระที่ ๒
ในทันที่ ที่ข้าพเจ้าโทรแจ้งข้อมูลและเรียนหารือในการดำเนินการกับธงช้างเผือก ซึ่งได้สืบถามข้อมูลจากผู้รู้ซึ่งเชื่อได้ว่า “เก่าแท้”
สมัยรัชกาลที่ ๖ และ ผอ. ได้สอบถามข้อมูลเพื่อความมั่นใจในเชิงการอนุรักษ์แล้ว ท่านไม่รอช้าที่จะอนุญาตให้ดำเนินการ ถึงขั้นออกปากว่า
“ถ้าพี่ไม่สะดวก” นำธงไปร้านที่ อ.พฤฒิพล ให้ข้อมูลเพราะอยู่กรุงเทพ ในพื้นที่ระยะไกลจากนครปฐม และไม่วางใจให้ใครอื่นนำไปเข้ากรอบเพื่ออนุรักษ์และจัดแสดง ท่านอาสาจะนำไปจัดทำให้ด้วยตนเองเลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ด้วยความกังวลในกายภาพของผ้าธง ที่เริ่มมีร่องรอยชำรุดเสื่อมสภาพ เริ่มกินตัวเป็นรูในบางจุด วันรุ่งขึ้นจึงได้นำผืนธงไปยังร้านกรอบรูปในจังหวัดที่คุ้นเคยและวางใจได้ในคุณภาพฝีมือ เพื่อสอบถามราคา และระยะเวลาในการทำกรอบ ซึ่งข้าพเจ้าประสงค์ให้แล้วเสร็จใน ๑ วัน แบบรอรับได้ ก็นับเป็นโชคดีที่ทางร้านสามารถจัดทำให้ได้ สำเร็จสวยงามดังภาพ
ธงพื้นหลังสีแดงเกลี้ยง ไม่ใช่ธงชาติแบบแรก
หากจะย้อนกล่าวในแง่ของประวัติการใช้ธงในสยาม ก่อนที่จะมีการใช้ธงไตรรงค์ในสมัยรัชกาลที่ 6 สมัยโบราณสยามมีการใช้ธงที่มีพื้นหลังเป็นสีแดง และมักถูกนำไปกล่าวอ้างว่าธงพื้นหลังสีแดงเกลี้ยงนี้เป็นธงชาติแบบแรก ในทางปฏิบัติธงดังกล่าวใช้เพียงเป็นสัญลักษณ์ในการเดินเรือ ซึ่งหากจะกล่าวโดยหลักวิทยาศาสตร์คลื่นแสงของสีแดงเป็นสีที่สายตามนุษย์เราเห็นชัดที่สุด ดังนั้นเมื่อนำเรือออกไปพร้อม-
ธงสีแดง เมื่อเกิดเหตุอะไรก็จะสามารถเห็นจากระยะไกลได้ว่าเป็นเรือ ธงพื้นหลังสีแดงเกลี้ยงนี้จึงไม่นับเป็นธงชาติสยาม เนื่องจากไม่ได้รับพระราชทานลงมาให้ใช้ในฐานะธงชาติ จึงเรียกได้เพียงเป็น ธงอาณัติสัญญาณ และธงที่แสดงความเป็นชาติสยาม ก็เพิ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ส่วนธงที่พอจะอนุโลมเรียกว่า ‘ธงชาติสยาม’ นั้น ก็เพิ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์แล้ว
มาทำความรู้จักธงช้างเผือกกัน
ผืนธงที่พบในห้องอนุสรณ์ฯ มีลักษณะ เป็นธงผ้าสีแดง มีรูปช้างเผือกสีขาวอยู่กลางธง มีชื่อเรียกเป็นทางการตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยแบบอย่างธงสยาม ร.ศ. ๑๑๐ ข้อ ๑๓ ซึ่งประกาศใช้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีคำอธิบายรายละเอียดของชนิดธงและการใช้ อันเป็นชนิดธงลำดับสุดท้ายในพระราชบัญญัติธง ฉบับแรกนี้ ระบุไว้ว่า
“ข้อ ๑๓ ธงชาติสยาม เปนรูปช้างเผือกเปล่าพื้นแดง
ใช้ในเรือกำปั้นแลเรือทั้งหลายของพ่อค้าเรือกำปั้นแลเรือต่าง ๆ ของไปรเวตทั่วไปในชาวสยาม”
บางท่านอาจสงสัยว่า ทำไมจึงต้องมีข้อกำกับการใช้แก่เรือต่าง ๆ ของชาวสยามอย่างไปรเวต หรือ private ทั้งนี้ด้วยมีความจาก
พระบรมราชโองการดำรัสสั่งในส่วนต้น แห่งพระราชบัญญัตินี้ว่าแต่เดิมมา ธงที่ใช้ในราชการต่าง ๆ ยังไม่มีรูปแบบที่แน่นอน พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการกำหนดรูปแบบธงขึ้น เพื่อใช้ในหน้าที่ต่าง ๆ อย่างถูกต้องนั่นเอง
…
บรรณานุกรม
- พฤฒิพล ประชุมผล. (1 พฤศจิกายน 2566). ธงช้างเผือก. (นฤมล บุญญานิตย์, ผู้สัมภาษณ์)
- พิพิธภัณฑ์ธงชาติไทย. (24 สิงหาคม 2557). พระราชบัญญัติธงว่าด้วยแบบอย่างธงสยามฉบับแรก ร.ศ. ๑๑๐. เข้าถึงได้จาก พิพิธภัณฑ์ธงชาติไทย: https://www.facebook.com/media/set/?set=a.546823308780683.1073741829.546142892182058&type=3